OSP ปิดลบ 7% โบรกหั่นเป้าเหลือ 16.50 บ. ชี้กำไรปี 68 หด เซ่นค่าใช้จ่ายพุ่ง
OSP ปิดลบ 7% โบรกมองกำไรปี 68 ลดลง 7.6% จากปีก่อน รับแรงกดดันค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากการโฆษณา พ่วงอัตรากำไรขั้นต้นลด หั่นเป้าเหลือ 16.50 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (29 ม.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 17.60 บาท ลบ 1.30 บาท หรือ 6.88% สูงสุดที่ระดับ 18.60 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 961.59 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง OSP คาดการณ์รายได้ไตรมาส 4/67 ของกลุ่มลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายจากผู้รับจ้างผลิตสินค้าให้กับบริษัท OEM ลดลง 55% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่ายอดขายเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศน่าจะเติบโต 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท แม้จะสูญเสียส่วนแบ่งการตลาดไป ซึ่งปัจจุบันเหลือส่วนแบ่งเพียง 45% เนื่องจากตลาดโดยรวมคาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นควรขยายตัวอยู่ที่ 38% จากส่วนแบ่งการขายในต่างประเทศที่มีอัตรากำไรสูงอยู่ที่ 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์ Personal Care คาดการณ์เติบโต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/67 ด้านต้นทุนขายและบริหารยอดขายคาดการณ์เพิ่มขึ้น เนื่องจากขาดทุนจากการปรับโครงสร้างจำนวน 50 ล้านบาท ในต่างประเทศ
นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าในปี 68 ทิศทางกำไรจะลดลง 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุ คือ 1.) อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเหลือ 36% เนื่องจาก OSP ต้องการขยายส่วนแบ่งการตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศผ่านการส่งเสริมการขายด้านราคาโดยเฉพาะที่ผู้จัดจำหน่ายแบบดั้งเดิม
2.) การโฆษณาและการส่งเสริมการขายเพิ่มเติม ซึ่งจะเพิ่มอัตราส่วนต้นทุน SG&A เป็น 26% โดยฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดขายจะเติบโต 6% ในปี 68 ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น 10% ในขณะที่ยอดขายเครื่องดื่มในไทยจะเพิ่มขึ้น 5%
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนักวิเคราะห์ปรับลดอันดับ OSP จากแนะนำ “ซื้อ” เป็น REDUCE เหลือ 16.50 บาท หลังจากปรับลดกำไรต่อหุ้น EPS ลง 5-15% ในช่วงปี 67-69 โดยมองว่า 1.) คาดการณ์ยอดขายลง 0.8-3.8% ในปี 67-68 โดยคาดว่ายอดขายจะชะลอตัวลงใน ไตรมาส 4/67 ซึ่งเสียส่วนแบ่งตลาดไป 1ppt เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
2.) เพิ่มค่าใช้จ่าย SG&A อยู่ที่ 0.8-1.2 ppt หลังจากเพิ่มค่าใช้จ่ายการส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเพื่อรับส่วนแบ่งการตลาดตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไป ตอนนี้ EPS จะลดลง 7.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในปี 68
ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 อาจต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ น่าจะลดจากช่วงไตรมาสก่อน และโตเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ขณะที่ต้องติดตามผลตอบรับของกลยุทธ์กลับไปทำ 10 บาท เพื่อแย่ง share กลับมา
ขณะที่ส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเชิงมูลค่าไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 45% ลดลงจาก 45.4% ในไตรมาส 3/67 จึงคาดการณ์รายได้เครื่องดื่มชูกำลังในประเทศอาจทรงตัวถึงปรับลงจากปีก่อนหน้า สวนกับมูลค่าตลาดรวมที่ยังโตได้ แต่คาดการณ์ว่าถูกหักล้างบางส่วนด้วยรายได้ต่างประเทศที่กลับมาฟื้นตัว
ส่วนแนวโน้มค่าใช้จ่ายไตรมาส 4/67 จะสูงขึ้นกดดันกำไร จากการทำการตลาด ค่าโฆษณา, FX loss จากธุรกิจที่พม่า และการตั้งด้อยค่าเงินลงทุนในยุโรปมีค่าใช้จ่ายอีกเล็กน้อยราว 50-60 ล้านบาท