ทูตลักเซมเบิร์ก สนใจร่วมมือสร้าง “Financial Hub” ชูเป็นก้าวสำคัญภาคการเงินไทย
“เผ่าภูมิ โรจนสกุล” หารือ เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์ก หนุนสร้าง “Financial Hub” มองเป็นก้าวสำคัญการเงินของไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ม.ค.68) นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังต้อนรับ นายแพทริก เฮมเมอร์ (H.E. Mr. Patrick Hemmer) เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์กประจำประเทศไทยว่า ได้หารือกันถึงการจัดตั้งศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือ Financial Hub ของไทย ซึ่งจะเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในช่วงต้นเดือน ก.พ.68
สำหรับ Financial Hub เป็นนโยบายของรัฐบาลไทย ที่ต้องการยกระดับไทยในเวทีการเงินของโลก และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับระบบนิเวศของอุตสาหกรรมการเงินในประเทศ รวมทั้งพัฒนาบุคลากรและโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินของประเทศ
โดยจะเปิดให้นิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยและสาขาของนิติบุคคลต่างประเทศ 8 ประเภท ได้แก่ 1. ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ 2. ธุรกิจบริการการชำระเงิน 3. ธุรกิจหลักทรัพย์ 4. ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า 5. ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล 6. ธุรกิจประกันภัย 7. ธุรกิจนายหน้าประกันภัยต่อ และ 8. ธุรกิจทางการเงินหรือธุรกิจอื่น เข้าทำธุรกิจใน Financial Hub
พร้อมจะตั้ง สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน หรือ One Stop Authority (สำนักงาน OSA ) ขึ้นเป็นหน่วยงานของรัฐใหม่ เพื่อให้บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จครบวงจร (End to end) ทั้งการออกใบอนุญาต กำหนดสิทธิประโยชน์ กำกับดูแล รวมถึงการเพิกถอน
นายเผ่าภูมิ กล่าวด้วยว่า เอกอัครราชทูตลักเซมเบิร์ก แสดงความสนใจใน Financial Hub ไทย โดยเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน พ.ศ. …. ดังกล่าว ถือเป็นก้าวย่างที่สำคัญของภาคการเงินไทย ทั้งนี้ “ลักเซมเบิร์ก” ถือเป็นประเทศที่มีความทันสมัยและมีศักยภาพธุรกิจทางการเงินสูงแห่งหนึ่งในยุโรป ซึ่งการที่ไทยมีกฎหมายมารองรับเรื่องนี้อย่างเต็มที่เป็นทิศทางที่ถูกต้อง
พร้อมกันนี้ยังได้แลกเปลี่ยนการเป็น Cross-Border Financial Centre ของลักเซมเบิร์ก ที่ตั้งอยู่ใจกลางทวีปยุโรป มาปรับใช้ในการพัฒนา Financial Hub ของไทย เนื่องจากไทยก็มีที่ตั้งอยู่ใจกลางภูมิภาคอาเซียนเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังเป็นโอกาสให้การสร้างความร่วมมือ ระหว่างประเทศลักเซมเบิร์กและไทย ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินร่วมกันต่อไป