ดีเดย์ 1 ก.พ. มาตรการสกัดบัญชีม้า “Mobile Banking” ชื่อบัญชีต้องตรงกับซิม
กระทรวงดีอี นำแถลง เปิดมาตรการยกระดับความปลอดภัย “Mobile Banking” ชื่อบัญชีต้องตรงกับซิม หวังแก้ปัญหา “บัญชีม้า” ย้ำธนาคารจะเตือนประชาชนทาง “Mobile Banking” เท่านั้นถ้ายังไม่เตือนใช้ต่อไปได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ม.ค.68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) กล่าวว่า กระทรวงดีอีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกำหนดมาตรการการดำเนินการตรวจสอบ “รายชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์มือถือ” และ “เจ้าของบัญชีธนาคาร Mobile Banking” หรือการ Cleaning Mobile Banking เพื่อให้ชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ตรงกับชื่อเจ้าของซิม หมายเลขโทรศัพท์มือถือ
โดยคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), Telco (ผู้ให้บริการโทรคมนาคม), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคาร ได้ดำเนินการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ จำนวนกว่า 120 ล้านหมายเลข แล้วเสร็จเมื่อสิ้นเดือน พ.ย.67 แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
- กลุ่มที่ 1 ลูกค้าที่ Telco แจ้งเป็น M คือ ชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ตรงกัน มีจำนวนประมาณ 75.8 ล้านหมายเลข คิดเป็น 63.02%
- กลุ่มที่ 2 ลูกค้าที่ Telco แจ้งเป็น N คือ ชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ไม่ตรงกัน มีจำนวนประมาณ 30.9 ล้านหมายเลข คิดเป็น 25.68%
- และ กลุ่มที่ 3 ลูกค้าที่ Telco แจ้งกลับมาเป็น P คือไม่พบชื่อเจ้าของซิม/ไม่มีข้อมูล มีจำนวน 13.5 ล้านหมายเลข คิดเป็น 11.29%
โดยธนาคารจะดำเนินการแจ้งประชาชน (ลูกค้าในกลุ่มที่ 2 (N) และกลุ่มที่ 3 (P) ) ผ่านช่องทาง Mobile Banking ของแต่ละธนาคาร ภายในวันที่ 1 ก.พ.68 โดยประชาชนที่ได้รับแจ้ง ต้องดำเนินการอัพเดตข้อมูลชื่อเจ้าของซิมและชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ให้ตรงกัน ภายในเวลา 90 วัน หรือภายในวันที่ 30 เม.ย.68 หากไม่ดำเนินการภายในเวลาที่กำหนด ปปง. ธปท. และ กสทช. จะพิจารณาระงับการใช้งาน Mobile Banking เป็นการชั่วคราวต่อไป
สำหรับกลุ่ม N คือ เจ้าของซิม และ Mobile Banking ไม่ตรงกัน เป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่เปิดบัญชี ตั้งแต่ปี 2565 และเปิดใช้งาน Mobile Banking ก่อนปี 2566 ที่มีชื่อเจ้าของซิมกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ไม่ตรงกัน สามารถดำเนินการได้ดังนี้
– กรณีหมายเลขโทรศัพท์มือถือมีชื่อเจ้าของซิม ไม่ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking สามารถติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือเพื่อเปลี่ยนเจ้าของซิม หรือติดต่อธนาคารที่ใช้งาน Mobile Banking เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์มือถือที่ผูกกับ Mobile Banking ของธนาคาร เพื่อดำเนินการให้ข้อมูลชื่อเจ้าของซิม ตรงกับชื่อที่ใช้งาน Mobile Banking ภายในวันที่ 30 เม.ย.68 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนด บริการ Mobile Banking อาจถูกระงับการใช้งาน
ส่วน กลุ่ม P ที่ไม่พบชื่อเจ้าของซิม เป็นกลุ่มลูกค้าที่เปิดบัญชีตั้งแต่ปี 2565 และเปิดใช้งาน Mobile Banking ก่อนปี 2566 ที่ตรวจสอบจากค่ายมือถือแล้ว แต่ไม่พบชื่อเจ้าของซิม ดำเนินการพร้อมกัน 2.4 ล้านเลขหมาย โดยกรณี หมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้ลงทะเบียนกับธนาคารมีข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ สามารถติดต่อศูนย์บริการโทรศัพท์มือถือที่ใช้บริการด้วยตนเอง เพื่อดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่
– ลงทะเบียนชื่อเจ้าของซิมให้ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking หรือ ลงทะเบียนชื่อเจ้าของซิมเป็นชื่อตามที่ประสงค์ที่เข้าเกณฑ์การจดทะเบียนซิมได้ตามเงื่อนไขของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (ธนาคารไม่สามารถดำเนินการในส่วนนี้แทนได้) พร้อมบัตรประชาชน เพื่อดำเนินการให้ข้อมูลชื่อเจ้าของซิมตรงกับชื่อที่ใช้งาน Mobile Banking ภายในวันที่ 30 เม.ย.68 หากไม่ดำเนินการภายในกำหนด บริการ Mobile Banking อาจถูกระงับการใช้งาน
– ลูกค้าที่ได้รับแจ้ง ต้องดำเนินการอัพเดตข้อมูลชื่อเจ้าของซิม และชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ให้ตรงกัน ภายในวันที่ 30 เม.ย.68 หากไม่ดำเนินการภายในเวลาที่กำหนด ปปง., ธปท. และ กสทช. จะพิจารณาระงับการใช้งาน Mobile Banking เป็นการชั่วคราวต่อไป
“เราตั้งใจให้ปัญหาเบาบางลงภายในปีนี้ เราไม่อยากให้มีเลย ที่ผ่านมาลดอาชญกรรมลงได้ 40% เราอยากลดให้ได้มากที่สุด มาตรการนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.นี้ ประชาชนที่จะต้องดำเนินการติดต่อธนาคาร จะได้รับการแจ้งเตือนผ่าน Mobile Banking ของธนาคารโดยตรงเท่านั้น จะไม่มีการแจ้งเตือนประชาชนผ่านช่องทางอื่น ที่ไม่ใช่ Mobile Banking เพื่อป้องกันมิจฉาชีพหลอกลวง กรณีของประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้รับการแจ้งผ่านช่องทาง Mobile Banking ของแต่ละธนาคาร ยังไม่ต้องดำเนินการใด ๆ และสามารถใช้ Mobile Banking ได้ตามปกติ แม้ชื่อเจ้าของหมายเลขโทรศัพท์จะไม่ตรงกับเจ้าของ Mobile Banking มาตรการนี้หากยังไม่สามารถลดบัญชีม้า เราจะมีมาตรการอื่นตามมาอีก” นายประเสริฐ กล่าว
ด้าน นายภิญโญ ตรีเพชราภรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารความเสี่ยงภาพรวม ธปท. กล่าวว่า ธปท. จะมีมาตรการปิดการดำเนินการของบัญชีม้า ที่ ปปง. ได้ตรวจสอบแล้ว โดยการระงับการดำเนินการทางอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด สมาคมธนาคารไทย และ ธปท. ขอยืนยันว่า มาตรการที่ปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกัน กับกระทรวงดีอีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการพิจารณา ยกเว้นในกลุ่มบุคคลดังต่อไปนี้ คือ
- เบอร์มือถือที่จดทะเบียนในชื่อหน่วยงานราชการ เช่น สำนักงานอัยการสูงสุด หรือองค์กรที่ใช้โดยพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ จะได้รับการพิจารณาเป็นข้อยกเว้น และไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามมาตรการนี้
- ลูกค้าที่มีความจำเป็นหรือข้อจำกัดเฉพาะ เช่น ไม่สามารถเปลี่ยนเบอร์มือถือได้ เนื่องจากข้อจำกัดทางกฎหมาย หรือเอกสาร สามารถยื่นคำขอยกเว้น พร้อมเอกสารประกอบแสดงเหตุผลต่อธนาคาร
- กลุ่มบุคคลในครอบครัว เช่น พ่อ แม่ บุตร พี่น้อง ปู่ ย่า ตายาย คู่สมรส (จดทะเบียน) โดยจะต้องแสดงเอกสารความสัมพันธ์ต่อธนาคาร ได้แก่ เอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ เช่น ทะเบียนบ้าน สูติบัตร ทะเบียนสมรส เป็นต้น และเอกสารแสดงความเป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ เช่น ใบกำกับภาษี ใบเสร็จ ค่าโทรศัพท์
- นิติบุคคล ได้แก่ บริษัทเอกชน หรือนิติบุคคลตามกฎหมาย (กรณีที่ลงทะเบียนในนามนิติบุคคล และให้พนักงานในองค์กรใช้งาน) จะต้องมีเอกสารรับรองจากบริษัท ที่มีข้อความระบุชื่อ เบอร์โทรศัพท์ และอนุญาตให้ใช้เบอร์โทรศัพท์ผูก Mobile Banking
- ผู้ที่ต้องได้รับความดูแลตามกฎหมาย ได้แก่ ผู้ไร้ความสามารถ ผู้เสมือนไร้ความสามารถ และผู้พิการ จะต้องนำเอกสารตามคำสั่งศาลแต่งตั้งผู้อนุบาล หรือเอกสารตามคำสั่งศาลแต่งตั้งผู้พิทักษ์ บัตรผู้พิการ หรือเอกสารที่หน่วยงานราชการออกให้ มายื่นแสดงต่อธนาคาร