“สารัชถ์” เผยปี 68 ลุยขยายลงทุน “ดาต้าเซนเตอร์-โรงไฟฟ้าสหรัฐฯ” มั่นใจเศรษฐกิจไทยยังมีหวัง
ซีอีโอ GULF เผยแผนปี 68 เดินหน้าขยายลงทุนดาต้าเซนเตอร์-โรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ เพิ่ม ทุ่มงบหลายหมื่นล้าน หนุนรัฐบาล “ภูเก็ต คริปโท แซนด์บ็อกซ์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ก.พ.68) นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF กล่าวในงาน Chula Thailand President Summit 2025 จัดขึ้น ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวข้อ “Future Thailand: Energizing Society”
นายสารัชถ์ กล่าวเกี่ยวกับสถานการณ์พลังงานในประเทศไทย โดยเริ่มต้นจากประสบการณ์ 30 ปีที่แล้วที่ประเทศไทยเลือกใช้โรงไฟฟ้าพลังงานจากถ่านหิน ซึ่งเป็นตัวเลือกที่มีราคาถูกที่สุดในตอนนั้นและได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในแง่ของเทคโนโลยีที่เรียกว่า “ถ่านหินสะอาด” (Clean Coal) แต่กลับมีการต่อต้านจากประชาชนและสังคมอย่างรุนแรง
จากนั้น ประเทศไทยหันไปใช้แก๊สธรรมชาติ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลิตไฟฟ้าจนถึงปัจจุบัน โดยมีการพัฒนาทางเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้า แม้ว่าแก๊สธรรมชาติจะเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญ แต่ราคาก็ผันผวนตามสถานการณ์โลก เช่น สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลกระทบต่อราคาแก๊ส โดยในปัจจุบันพลังงานจากแหล่งพลังงานทดแทน เช่น โซลาร์และลม ได้รับการพัฒนาให้มีราคาถูกลงมาก เหลือเพียง 2-3 บาทต่อหน่วย จากเดิมราคากว่า 10 บาทต่อหน่วย ซึ่งตอบโจทย์กับความมั่นคงของพลังงานที่ต้องการของการผลิตไฟฟ้าที่ทั้งราคาถูกและสะอาด
ซีอีโอของ GULF กล่าวถึงอนาคตของพลังงานในประเทศไทยในมุมมของของเอกชนว่า บริษัทได้มีการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด บริษัทได้ลงทุนในโรงงานพลังงานลมขนาด 500 เมกะวัตต์ในประเทศเยอรมนี รวมถึงการลงทุนในโรงไฟฟ้าแก๊สธรรมชาติที่ชิคาโก้ (สหรัฐอเมริกา) และในอังกฤษที่มีกำลังการผลิตรวมถึง 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อศึกษาและเรียนรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานในระดับโลก และนำความรู้เหล่านั้นมาปรับใช้ในประเทศไทย ตัวอย่างเช่น ในอดีตที่เราไม่สามารถใช้พลังงานลมในทะเลที่มีลมแรงได้ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีนี้สามารถทำได้แล้วและต้นทุนก็ลดลง ทำให้สามารถนำความรู้ที่ได้จากการพัฒนาเทคโนโลยีต่างประเทศมาใช้ในประเทศไทย ซึ่งช่วยให้การพัฒนาพลังงานในประเทศมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถตอบสนองความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นในราคาที่ถูกลงได้
นายสารัชถ์ ยังได้กล่าวถึงการลงทุนของ GULF ใน บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ผ่าน บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTOUCH ทางอ้อม เพราะมองว่า เป็นบริษัทนี้มีผู้บริหารและผู้ถือหุ้นที่ดี อีกทั้งเป็นธุรกิจที่นำไปสู่อนาคต ในอดีตหลายคนอาจมองว่าโทรคมนาคม (Telecom) เป็นธุรกิจที่ล้าสมัยแค่การใช้มือถือ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีโทรคมนาคมได้พัฒนาไปสู่ Digital Infrastructure ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเรื่อง 5G และบริการบรอดแบนด์ (Broadband) ทั้งนี้ผลจากการลงทุน ก็ทำให้มีการสร้างรายได้ที่ดี
ซีอีโอ GULF ได้กล่าวถึงการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) ว่า ในช่วงแรกไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แม้จะมีคนพูดถึงบิทคอยน์และคริปโตเยอะ แต่ก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะเข้าไปเกี่ยวข้อง จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งที่เห็นว่ามีคนพูดถึงมากขนาดนี้ และมีความสนใจเพิ่มขึ้น หากไม่เข้าไปเกี่ยวข้องเลยก็อาจจะลำบาก จึงตัดสินใจหาพาร์ทเนอร์ที่มีความรู้ในด้านนี้เพื่อเข้ามาลงทุนร่วมกันเปิด Exchange (ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโต) โดยต้องขออนุญาตจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
นอกจากนี้ ส่วนตัวมองว่า แนวคิดของรัฐบาลที่จะทำให้จังหวัดภูเก็ตเป็น Sandbox เรื่องบิทคอยน์ ถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ภูเก็ตกลายเป็นฟินเทคฮับ (Fintech Hub) ของเอเชีย และเป็น Digital hub และ Crypto hub ได้ในอนาคต โดยจะมีการใช้บล็อกเชน เพื่อซื้อขายสินค้าหรือโอนเงินเข้าออกได้อย่างรวดเร็วและถูกกว่าธนาคาร และหากพัฒนาไปในอนาคต อาจจะสามารถใช้คริปโทเคอร์เรนซีในการซื้อบ้านหรือรถในภูเก็ตได้ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของภูเก็ตในการเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลและคริปโตในภูมิภาคเอเชีย
อย่างไรก็ตาม นายสารัชถ์ เห็นว่าประเทศไทยยังมีความหวัง แม้จะสงครามทางการค้าทำให้หุ้นตกทันที แต่ไทยไม่กระทบโดยตรง อาจจะมีกระทบการส่งออก แต่ก็ไม่กระทบมาก เพราะไทยส่งไปจีนเยอะกว่า ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวไม่เกี่ยวกับโดยตรง ยิ่งดอลลาร์แข็งค่าแล้วเงินบาทอ่อน ต่างชาติก็ยิ่งอยากมาเที่ยวเมืองไทย รวมทั้งธุรกิจเกษตรกรรมที่ไทยเป็นห่วงโซ่อาหาร รวมทั้ง ธุรกิจ Healthcare และโรงพยาบาล
“จริง ๆ แล้ว เมืองไทยยังมีความหวัง มีอนาคตที่ดี แต่ปัญหาประเทศที่มีอยู่ก็ต้องแก้ไป ในอนาคตก็ต้องวางแผนไป ในประเทศก็ต้องแก้ไปไม่ว่าจะเป็นหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน ยอดรถยนต์ที่ผลิตและขายไม่ได้ เป็นปัญหาเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งรัฐบาลเข้ามาแก้ไข ถ้าพวกเราช่วยกันได้ ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นทั้งหมด ทุกคนก็จะดีขึ้นได้”
ซีอีโอ GULF กล่าวย้ำว่า ปัญหาในประเทศเยอะ แม้เราจะเด่นด้านท่องเที่ยว แต่ถ้าอยู่เพียงแค่นี้ก็ต้องอยู่เพียงแค่นี้ต่อไป ถึงจุดหนึ่งเราจะเป็นประเทศที่ถูกลืมในเอเชียถ้าเราไม่ปรับตัว ในขณะที่ประเทศอื่นเริ่มมีกิจกรรมหลาย ๆ อย่างมากขึ้น หลายประเทศเริ่มเท่าเราหรือแซงเราไปแล้ว ด้วยปัญหาพื้นฐานประเทศ รวมถึง PM 2.5 หรือในโซเชียลมีเดียที่แพร่เรื่องคนจีนถูกจับตัวไปก็กระทบการท่องเที่ยวค่อนข้างมาก ถึงแม้จะมีสิ่งที่ดี แต่ก็มีสิ่งที่ไม่ดีตามมาด้วย ก็ต้องแก้ปัญหากันต่อไป หรือการพูดถึงเรื่อง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ก็มีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ต้องดูว่าตอนจบอะไรจะดีกับสังคมมากกว่า เพราะเศรษฐกิจไม่ได้หยุดรอเรา มันเดินไปเรื่อย ๆ
จากนั้น นายสารัชถ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ทิศทางของประเทศไทย จะมีพลังงานสีเขียวมากขึ้น ทั้งโซลาร์, ลม เชื่อว่าต้นทุนจะถูกลงอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลดค่าไฟ และเรื่องค่ารถไฟฟ้า ก็เชื่อว่าจะทำให้ต้นทุนของประชาชนถูกลง มีเงินจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวันมากขึ้น ตอนนี้ที่ถูกที่สุดในไทยคือไฟฟ้าจากถ่านหินแม่เมาะ ถึงแม้จะการปล่อยคาร์บอนเยอะ แต่ก็มีผลต่อราคาค่าไฟ
ตอนนี้สงครามยูเครน-รัสเซียยุติแล้ว แก๊สธรรมชาติที่นำเข้ามาค่อนข้างมีเสถียรภาพขึ้น เชื่อว่าแนวโน้มจะลดลง โดยเฉพาะขณะนี้ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้มีการผลิตแก๊สธรรมชาติ และน้ำมันที่สหรัฐฯ มากขึ้น น่าจะเป็นเทรนด์ที่ดีสำหรับค่าไฟและค่าเชื้อเพลิง ทั้งนี้เห็นว่า ปัจจุบันภาครัฐดูแลในด้านความมั่นคงพลังงานอยู่แล้ว คือ การไฟฟ้าฝ่ายผลิต ที่ประคองระบบไว้ และได้พยายามช่วยแทรกแซงราคาให้ไม่สูงมากนัก
สำหรับแนวโน้มการลงทุนธุรกิจปีนี้ ซีอีโอ GULF กล่าวว่า มีการลงทุนเยอะ เพราะมีการลงทุนในดาต้า เซ็นเตอร์ด้วย และลงทุนในต่างประเทศด้วยหลายหมื่นล้านบาท ขณะที่สหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ที่ดูอยู่ ซึ่งเรามีโรงไฟฟ้าอยู่แล้วที่ชิคาโก้ การขยายต่อมีโอกาสค่อนข้างสูง ยอมรับว่า จะปิดดีลใหญ่ลักษณะ M&A เบื้องต้นแต่ละโรงฯ ไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์
ส่วนเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นเทคโนโลยีใหม่ เห็นว่าประเทศไทยก็กำลังดูอยู่ และคิดว่าเรื่องของนิวเคลียร์น่าจะเป็นเรื่องของรัฐบาล เอกชนไม่ควรลงทุน มีเงื่อนไขเยอะ เหมาะกับเป็นภาครัฐที่จะสามารถเข้ามาบริหารจัดการได้ดีกว่า โดย GULF ทำเท่าที่มีอยู่ให้ดีก่อน เน้นดาต้า เซ็นเตอร์ ซึ่งเราจะขยายอีกหลายโครงการ