SET50..ใครเละสุด?

ก่อนจะเข้าสู้เรื่องตลาดหุ้นไทย “โมนิก้า” ขอแวะเวียนไปเม้าท์ถึงเรื่องการเมืองท้องถิ่นกันสักหน่อย เพราะทุกครั้งที่เดี๊ยนไปพบปะผู้คนในแวดวงตลาดหุ้น ก็จะพูดถึงชัยชนะของพรรคสีน้ำเงิน


ก่อนจะเข้าสู้เรื่องตลาดหุ้นไทย “โมนิก้า” ขอแวะเวียนไปเมาท์ถึงเรื่องการเมืองท้องถิ่นกันสักหน่อย เพราะทุกครั้งที่เดี๊ยนไปพบปะผู้คนในแวดวงตลาดหุ้น ก็จะพูดถึงชัยชนะของพรรคสีน้ำเงินที่จังหวัดเชียงราย กับศรีสะเกษอย่างสนุกปาก เพราะเป็นการตีแสกหน้าแบบไม่เกรงกลัวอำนาจของพรรคสีแดง และเรื่องนี้คงจะเมาท์กันไปอีกนานเป็นสัปดาห์ หลังขาเผือกคนลงความเห็นไปทางเดียวกันว่า หมดมนต์ขลัง..อิอิอิ

ส่วนบรรยากาศของตลาดหุ้นไทย คงไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นมากนัก เพราะตราบใดที่ตลาดหุ้นยังแทงกั๊กอยู่ร่ำไป และไม่ยอมลงแบบสุดซอย ก็ไม่มีทางที่จะเด้งกลับอย่างแข็งแกร่ง (หลักฟิสิกส์ง่ายๆ  ลงแรง = ขึ้นแรง) “โมนิก้า” เลยไม่มีความจำเป็นต้องสวนกระแสที่เป็นอยู่ในเวลานี้ รวมทั้งข่าวเมาท์หนาหูที่ว่า ดัชนีลงมาบริเวณ 1,250 จุดเมื่อไหร่? บรรดากองทุนจะพากันเข้าซื้อแบบจัดเต็มอย่างแน่นอน..ไปหลอกเด็กอมมือเถอะค่ะ

เนื่องจากเห็นกันทนโท่ว่า กองทุนก็หันมาเล่นสั้น ๆ เหมือนกับคนอื่น ๆ แถมคนพวกนี้ก็รู้อยู่แก่ใจว่า สภาพเศรษฐกิจของประเทศไทยเป็นอย่างไร? “โมนิก้า” จึงหันมารวบรวมข้อมูลหลายอย่าง เพื่อประมวลภาพให้แฟนคลับเห็นว่า การยืนของดัชนีที่ระดับ 1,301.02 จุด ลบไป 3.37 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.16 หมื่นล้านบาท มันมีเหตุผลในตัวของมันเองอยู่แล้ว จึงขอขยายความไปถึงการร่วงลงของหุ้นใน SET50 ตัวไหนเละสุดเจ้าค่ะ

สำหรับรายแรกที่ครองแชมป์หุ้นเละในเดือน ม.ค. 68 ก็คือ GLOBAL หลังโดนถล่มขายแบบไม่ยั้งตลอดทั้งเดือน จนราคาหุ้นร่วงลงจากระดับ 13.90 บาท ลงมายืนอยู่ที่ 10 บาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลงถึง 28% ขณะที่ราคาล่าสุดวานนี้ยืนอยู่ที่ 9.40 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 184 ล้านบาท ก็เป็นการรีบาวด์หลังจากทิ้งตัวลงแรงแบบนี้..กล้าเข้าไปลุยต่อไหมล่ะคะ

ส่วนอันดับ 2 ที่ทำให้นักเล่นกระเป๋าฉีกในเวลาที่รวดเร็ว ทั้งที่เดือน ธ.ค. ปี 67 ยังดันราคาหุ้นแบบสุดลิ่มทิ่มประตูอยู่เลย แต่ในเดือน ม.ค. ปี 68 ดันกลายเป็นหนังคนละม้วน หลังราคาหุ้น CCET ทิ้งตัวลงจากราคาหุ้นร่วงลงจากระดับ 10.10 บาท ลงมายืนอยู่ที่ 7.65 บาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลงถึง 24% ขณะที่วานนี้หุ้นยืนอยู่ที่ 7.60 บาท ลบไป 0.10 บาท หรือลงไป 1.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 619 ล้านบาท ก็ยังรู้สึกแหยงอยู่ดีจ้า!

เช่นเดียวกับในรายของ ITC ก็กลายเป็นหุ้นที่ทำให้ “โมนิก้า” ผิดหวังครั้งแล้ว..ครั้งเล่า เพราะภาพความแข็งแกร่งของราคาหุ้นถูกบดขยี้ด้วยแรงขายจำนวนมาก จนราคาหุ้นร่วงลงจากระดับ 22.30 บาท ลงมายืนอยู่ที่ 17 บาท ซึ่งเป็นการปรับตัวลงถึง 23.77% โดยราคาล่าสุดวานนี้ยืนอยู่ที่ 16.90 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 70 ล้านบาท มันไม่ช่วยให้เดี๊ยนรู้สึกดีขึ้นแต่อย่างใด เพราะแรงขายยังเยอะเหมือนเดิมค่ะ

สถานการณ์แรงขายที่ออกมาเป็นจำนวนมาก เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับผลงานไม่ตามเป้า กลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้ OSP ถูกขายหนักในช่วง 4 วันทำการสุดท้ายของเดือน ม.ค. ซึ่งคิดเป็นการปรับตัวลงถึง 21% แต่ถ้านับตลอดเดือนดังกล่าวหุ้นปรับตัวลงถึง 22% ก็แสดงให้เห็นว่า นักลงทุนเพิ่งจะแพนิกเมื่อสัปดาห์ก่อน และความหวาดระแวงดังกล่าวจะถูกซ้ำดาบสอง หากผลงานไตรมาส 1 ปี 68 ออกมามาดีนะนายจ๋า!

เมื่อตลาดหุ้นถูกกดดันด้วยผลงานไม่ประทับใจจอร์จ BGRIM จึงกลายเป็นหุ้นที่โดนชำเราหนักระดับต้น ๆ เช่นกัน และการที่ราคาหุ้นในเดือน ม.ค. ร่วงลงจากระดับ 19.50 บาท ลงมายืนอยู่ที่ 15.20 บาท โดยปรับตัวลงถึง 22% ก็เป็นภาพสะท้อนผลงานของบริษัทได้ชัดเจน เพราะเมื่อเจาะลึกลงไปดูกำไรต่อหุ้นงวด 9 เดือนปี 67 อยู่ที่ระดับ 0.05 บาท ก็อธิบายสาเหตุที่หุ้นยังอ่อนตัวลงอีก ก่อนจะปิดที่ 14.30 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 277 ล้านบาทได้ไงล่ะคะ

ส่วนอันดับ 6 ที่รูดลงหนัก เพราะมีข่าวร้ายเข้ามารบกวนตลอดเวลา “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น GPSC เพื่อชี้ให้เห็นการร่วงลงจากระดับ 38.25 บาท ลงมายืนอยู่ที่ 30.75 บาท โดยปรับตัวลงถึง 19.60% ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้เหมือนกัน เพราะไม่มีอะไรใหม่ ๆ เข้ามาสร้างความเชื่อมั่นเลยจริง ๆ อีฉันจึงไม่กล้าฟันธงการยืนปิดที่ระดับ 30.25 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 281 ล้านบาท คือการสิ้นสุดขาลงน่ะซี

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button