“บีโอไอ” ไฟเขียวลงทุน “จูราสสิคเวิลด์” 1.2 พันล้าน ปั้นแลนด์มาร์คใหม่!

เลขาฯ บีโอไอ ส่งเสริมลงทุน “Jurassic World: The Experience” มูลค่า 1,200 ล้านบาท ปักหมุด “เอเชียทีค” หวังปั้นแลนด์มาร์คแห่งใหม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ก.พ.68) นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการพิจารณาโครงการ ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากบอร์ดบีโอไอ ได้อนุมัติคำขอรับการส่งเสริมการลงทุน โครงการสร้างแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่ Jurassic World: The Experience ของบริษัท แอสเสท เวิรด์ แอทแทรคชั่น แอนด์ รีเทล จำกัด ในเครือ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มุ่งตอบสนองไลฟ์สไตล์แบบครบวงจรของไทย

เลขาธิการบีโอไอ กล่าวอีกว่า โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท บนพื้นที่ 4,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ศูนย์กลางการท่องเที่ยมริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีชื่อเสียงทั้งกลุ่มนักท่องเที่ยวในประเทศและชาวต่างชาติ โดยบริษัทมุ่งมั่นจะพัฒนาให้เป็น “แลนด์มาร์ค” (Landmark) แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ และประเทศไทย

โครงการนี้เป็นการลงทุนที่ยิ่งใหญ่ ในการสร้างศูนย์กลางการท่องเที่ยวและความบันเทิงระดับโลก โดยบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทย ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแฟรนไชส์ภาพยนตร์สุดโด่งดัง “Jurassic World”จาก Universal Pictures และ Amblin Entertainment ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก

โดยโครงการจะนำเสนอประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยในการสร้าง “ไดโนเสาร์แอนิมาทรอนิกส์” ที่เคลื่อนไหวเสมือนจริง พร้อมการออกแบบ 3 มิติที่สวยงาม และใช้ระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการเคลื่อนไหว ที่จะทำให้ผู้เข้าชมรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในยุคดึกดำบรรพ์เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่สมจริงมากที่สุด ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะแฟนคลับคนรัก “ไดโนเสาร์” ที่มีอยู่ทั่วโลก โดยโครงการนี้ถือเป็นประสบการณ์ความบันเทิงรูปแบบอิมเมอร์ซีฟ (immersive) ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก และเป็นแห่งแรกของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

นายนฤตม์ กล่าวว่า ภาคการท่องเที่ยวถือเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและนำเงินเข้าสู่ประเทศไทย โดยปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากกว่า 35 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศ กว่า 1.67 ล้านล้านบาท ในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็น Tourism Hub ของภูมิภาคนั้นไทยจำเป็นต้องเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวให้พร้อม ทั้งด้านบุคลากร คุณภาพของการบริการ โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การจัดกิจกรรมนานาชาติหรืออีเวนต์ขนาดใหญ่ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ รวมทั้งการสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่ถูกสร้างขึ้น หรือ Man-made Destination

ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (พ.ศ.2558 – 2567) บีโอไอได้ส่งเสริมลงทุนกิจการในกลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จำนวน 209 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่า 2 แสนล้านบาท ครอบคลุมทั้งกิจการโรงแรม, ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่, การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวขนาดใหญ่, ศูนย์แสดงศิลปวัฒนธรรมไทย, มหกรรมดนตรี, กีฬา, เทศกาลนานาชาติ และสวนสนุก

Back to top button