พาราสาวะถี

ปฏิบัติการเด็ดขาดหลัง “บิ๊กอ้วน” เรียกประชุม สมช. วาระเร่งด่วน ที่ประชุมมีมติตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และการส่งน้ำมัน ไปยังเมียนมาทั้งหมด 5 จุด


ปฏิบัติการเด็ดขาดหลัง “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. วาระเร่งด่วน เมื่อช่วงเย็นวันอังคารที่ผ่านมา ใช้เวลาถกกันชั่วโมงครึ่ง ที่ประชุมมีมติตัดไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และการส่งน้ำมัน ไปยังเมียนมาทั้งหมด 5 จุด จากที่ทุกภาคส่วนเห็นว่าเรื่องนี้กระทบต่อความมั่นคงของคนไทย มีผู้ได้รับผลกระทบกว่า 550,000 คดีจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ละคดีมีผู้เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายกว่า 86,000 ล้านบาท เฉลี่ยสูญเสียเงินกว่า 80 ล้านบาทต่อวัน จึงถือเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชาชน

การตัดสินใจดังกล่าว เป็นการยืนอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลที่พบว่าทั้ง 5 จุดที่ถูกตัดไฟฟ้าในเมียนมามีความเชื่อมโยงกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนของเพื่อนบ้านนั้น บิ๊กอ้วนยืนยันว่า เมียนมาต้องมีส่วนรับผิดชอบ เพราะความทุกข์ที่ประชาชนคนไทยเผชิญอยู่เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแลทางการไทยได้แจ้งไปยังเมียนมาแล้วว่าทั้ง 5 จุดกระทบต่อความมั่นคงภายในของไทย ส่วนทางเมียนมาจะดำเนินการอย่างไรคงเข้าไปแทรกแซงไม่ได้ 

การดำเนินการแบบเฉียบขาดเช่นนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากที่ทางไทยได้รับข้อมูลมาจากทางจีนที่ถือว่ามีอิทธิพลเหนือเมียนมา โดยก่อนที่ภูมิธรรมจะนั่งหัวโต๊ะประชุม สมช.นั้น หลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะของจีน ได้เข้าพบพูดคุยเป็นการส่วนตัว ซึ่งก่อนการเข้าพบทางผู้ช่วยรัฐมนตรีของจีนได้มีการหารือกับทีมงานของบิ๊กอ้วนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมาด้วย

จะเห็นได้ว่าเป็นการจัดการก่อนหน้าที่ แพทองธาร ชินวัตร จะเดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์นี้ นั่นหมายความว่า วาระที่นายกรัฐมนตรีหญิงของไทยจะได้เข้าพบและหารือกับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีแดนมังกร ย่อมต้องมีเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นประเด็นสำคัญ โดยที่เจ้าตัวย้ำก่อนการเดินทางว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาของทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะกับจีน ตนจะไปพูดคุยและสอบถามถึงเทคโนโลยีและวิธีการต่าง ๆ ที่จะนำมาช่วย จะขอความร่วมมือซึ่งกันและกันว่าจะช่วยกันทั้งสองฝั่งอย่างไร และคิดว่าจีนก็เล็งเห็นปัญหาเช่นกัน ดังนั้น การขอความร่วมมือไม่น่าจะเป็นปัญหา

กรณีของแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น ท่าทีที่เอาจริงเอาจังของรัฐบาล ที่เป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่ามีความมั่นใจจะสามารถจัดการให้เห็นผลเป็นรูปธรรมได้นั้น อ่านสัญญาณได้จากการขึ้นเวทีปราศรัยของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ชี้จุดที่ตั้งของขบวนการเหล่านี้ พร้อมแสดงความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะสามารถจัดการได้ แสดงให้เห็นถึงมีการประสานงานกันมาก่อนหน้าแล้ว จนรู้แน่ชัดว่า มีการทำกันเป็นขบวนการ แต่ลำพังประเทศไทยขอความร่วมมือจากเพื่อนบ้านอย่างเดียวคงไม่สำเร็จ

ต้องอาศัยมือไม้จากพี่เบิ้มของเอเชียเข้ามาช่วย จะเห็นได้ว่าทางฝ่ายจีนก็ให้ความสำคัญต่อเรื่องนี้ ถึงขนาดส่งผู้ช่วยรัฐมนตรีมาลุยแก้ปัญหาเอง ไม่ใช่แค่มาตรการตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต และงดส่งน้ำมัน จีนยังอยากให้ไทยช่วยตัดเส้นทางลำเลียง เพื่อช่วยสกัดกั้นทุกทาง ถึงขนาดที่อาจจะมีการปิดชายแดนกันเลยทีเดียว แต่เบื้องต้นที่รัฐบาลได้ทำไปคือมาตรการซีลชายแดนทั้ง 51 จุด ที่จะต้องดูต่อว่าจะมีการขยับปรับการดำเนินการให้เข้มข้นหรือไม่

พอเริ่มต้นจากจุดนี้ แน่นอนว่า หลังการกลับจากจีนของแพทองธารน่าจะมีการดำเนินการเพิ่มเติม ซึ่งอาจจะมีการจัดประชุมร่วมระหว่างไทย จีน และเมียนมา พูดคุยกันเพื่อให้การแก้ปัญหาเบ็ดเสร็จเด็ดขาด บริหารจัดการกันอย่างมีระบบ ระเบียบ คงต้องเจรจาชี้ให้เห็นปัญหา และมีความเห็นร่วมกันของทุกฝ่าย ต้องไม่ลืมว่าปัญหานี้ยังเกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้านอื่นอย่างกัมพูชาและลาวด้วย เบื้องต้น ต้องประเมินผลจากการตัดไฟรอบนี้ก่อนว่า สามารถทำให้ปัญหาทุเลาเบาบางลงได้หรือไม่

กลับมาดูการเมืองในประเทศ เหมือนที่บอกว่าหลังเสร็จศึกเลือกนายก อบจ. ทุกพรรคจะต้องมีการสรุปบทเรียน เพื่อไทยก็เช่นเดียวกัน แพทองธารสวมหัวโขนหัวหน้าพรรคเข้าประชุมร่วมกับ สส.หลังประชุม ครม.อังคารที่ผ่านมา พร้อมแนวคิดจะเชิญผู้สมัครนายก อบจ.ที่พรรคส่งลงสมัครไม่ว่าจะแพ้หรือชนะมาให้ข้อมูลรายจังหวัด โดยเฉพาะบางจังหวัดที่แพ้การเลือกตั้ง เพื่อเก็บข้อมูลต่าง ๆ สำหรับเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งใหญ่ปี 2570

ที่น่าสนใจคือ แพทองธารพูดในที่ประชุมว่า เลือกตั้งนายก อบจ.มีแพ้ มีชนะ พรรคทำเต็มที่ พยายามประสานความเห็นที่แตกต่าง ทำให้เหนื่อยในการเคลียร์ อยากให้ปล่อยวางเพื่อให้ทุกฝ่ายพอใจ และเป็นผลดีกับพรรค ถ้ารวมใจกันชนะได้เหมือนบางจังหวัดที่รวมกันได้ก็ชนะ แต่จังหวัดที่มีความขัดแย้ง เพราะไม่ยอมกัน “เราแตกสามัคคี” จึงอยากให้ทุกคนปล่อยวาง ลดตัวตนของตัวเอง ความคิดความอ่านเพื่อให้เห็นแก่พรรค แก่ส่วนรวม

นี่อาจเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้นายใหญ่ไม่แฮปปี้กับพื้นที่ซึ่งพรรคปราชัย โดยอุ๊งอิ๊งย้ำในที่ประชุมว่า บางจังหวัดแยกกันสามสี่ก๊วน ทำให้งานลำบาก พรรคต้องคุยกับทุกฝ่าย ซึ่งผลกระทบที่เกิดขึ้น คือพรรคได้รับผลกระทบ เพราะไม่ได้นายก อบจ. ตามเป้า ดังนั้น อยากให้ทุกคนสามัคคีกัน เพราะจะกระทบกับการเลือกตั้งใหญ่ ชี้ตรงจุดกันอย่างนี้ แทบไม่ต้องบอกว่าการคัดเลือกตัวผู้สมัคร สส.รอบหน้าบางจังหวัดมีปัญหาแน่

ถ้าเป็นปัญหาบ้านใหญ่ไม่ลงรอยกัน แล้วส่งผลถึงความพ่ายแพ้ในสนามนายก อบจ. คงหนีไม่พ้นจังหวัดเชียงราย ไม่เพียงแต่ไม้เบื่อไม้เมาทางการเมืองในพื้นที่ระหว่าง ตระกูลติยะไพรัช กับ จงสุทธนามณี ยังมีปัญหาของบ้านใหญ่นามสกุลดังไม่ว่าจะเป็นสายของ วิสาร เตชะธีระวัฒน์ หรือ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่หนุนให้วิสารเป็นตัวแทนพรรคชิงเก้าอี้เที่ยวนี้ แต่นายใหญ่ตัดสินใจเลือกเมียยงยุทธเพราะถือเป็นคนที่มีความสนิทแนบแน่นต่อกัน บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเลือกตั้ง สส.มีขยับ เขย่ากันถึงขั้นระส่ำกันเลยทีเดียว

อรชุน

Back to top button