“บล.กรุงศรี” เกณฑ์ใหม่ SET50 กระทบ “DELTA” ตรง เงินไหลออก 1.6 พันล้าน
“บล.กรุงศรี” ชี้ตลท.จำกัดน้ำหนัก SET50/100 ใหม่! กระทบ DELTA มีเม็ดเงินไหลออกจากกองทุน Passive fund ราว +/-1,600 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบัน DELTA มีน้ำหนักใน SET50 ราว 13% และ SET100 ราว 11%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามตลาดหลักทรัพย์กำลังรับฟังความคิดเห็นกรณีปรับปรุงวิธีคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 เพื่อลดผลกระทบของดัชนีจากหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ และทำให้การกระจายตัวของน้ำหนักหลักทรัพย์เหมาะสมมากขึ้น และจะนำมาใช้กับดัชนี SET50, SET100, SET50FF และ SET100FF
สำหรับการศึกษาของตลาดหลักทรัพย์พบว่าดัชนีชั้นนำในต่างประเทศใช้การจำกัดน้ำหนักในหลายแนวทาง หลักๆ แบ่งเป็น 2 แบบได้แก่ 1.) จำกัดน้ำหนักในระดับรายหลักทรัพย์ (วิธีที่ ตลาดฯ วางแผนจะเลือกใช้) เป็นแนวทางที่แพร่หลาย โดยดัชนีที่ศึกษากำหนดเพดานน้ำหนักต่อ 1 หุ้นบริษัทจะอยู่ในกรอบ 8% – 15%
2.) จำกัดน้ำหนักกลุ่มหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ หรือกลุ่มอุตสาหกรรม ถูกใช้ในดัชนีชั้นนำดังเช่น MSCI และ NASDAQ100 เช่น กรณีของ NASDAQ100 หลักทรัพย์มูลค่าตลาดใหญ่ 5 อันดับแรก จะต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 38.5% ของมูลค่าตลาดดัชนี
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ในเบื้องต้นการเสนอรับฟังความคิดเห็น ตลาดฯ มีแผนจะจำกัดน้ำหนักของ 1 หลักทรัพย์ในดัชนี SET50, SET100, SET50FF และ SET100FF ไม่เกิน 10% ของมูลค่าตลาดของดัชนี
ทั้งนี้ KSS ประเมินผลกระทบ 1. อิงตามกรอบข้อเสนอเบื้องต้น ประเมินหลักทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบเชิงลบ ใน SET50 และ SET100 ได้แก่ บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA คาดว่าจะมีเม็ดเงินไหลออกจากกองทุน Passive fund ราว 1,600 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบัน DELTA มีน้ำหนักใน SET50 และ SET100 ที่ ราว 13% และ 11% ตามลำดับ
2.SET50FF และ SET100FF ไม่มีหลักทรัพย์ได้รับผลกระทบเนื่องจากไม่มีหลักทรัพย์ที่มีน้ำหนักเกิน 10% ของดัชนี
3.หลักทรัพย์ที่ได้ผลบวกเด่น (อิงจากโอกาสที่จะมี Passive fund เข้าซื้อกรณีปรับน้ำหนักตามเกณฑ์ ใหม่มากกว่า 50 ล้านบาท) ได้แก่ PTT, ADVANC, AOT, GULF, PTTEP, CPALL, SCB, TRUE, KBANK, BDMS, KTB
4.ระยะสั้นมองเป็นผลลบต่อดัชนี เนื่องจาก DELTA อาจถูกภาพแรงขายฝั่ง “ขาย” ลดความเสี่ยงออกมาก่อนของนักลงทุน แต่กรณีการรับฟังความคิดเห็นผ่าน และนามาใช้ (คาดว่าจะเริ่มต้นครึ่งหลังของปี 68) ปัจจัยนี้จะกลับมากระทบอีกครั้งตอนใกล้การ Rebalance ครั้งแรก จากการปรับพอร์ตของ Passive Fund
ส่วนกลยุทธ์แนะนำ ระยะสั้นหลีกเลี่ยงการเก็งกำไรใน DELTA และจับจังหวะเก็งกำไรในหุ้นได้ประโยชน์ เลือก PTT, ADVANC, AOT, GUL
อย่างไรก็ตาม หลังจากฝ่ายวิเคราะห์มีการประเมินถึง DELTA ว่าจะได้รับผลกระทบส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่องมาล่าสุด ณ เวลา 14:26 น. (วันที่ 6 ก.พ.68) อยู่ที่ระดับ 113.00 บาท ลบ 1.50 บาท หรือ 1.31% มูลค่าการซื้อขาย 1,845.74 ล้านบาท