นายกฯ ดึง 2 บิ๊กเอกชนจีน “Hisense-Xiaomi” ขยายลงทุนเครื่องใช้ไฟฟ้า-ยานยนต์ไฟฟ้าในไทย
นายกฯ “แพทองธาร” หารือผู้บริหาร 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน“Hisense-Xiaomi” ขยายลงทุนเครื่องใช้ไฟฟ้า-ยานยนต์ไฟฟ้าในไทย กำชับ “บีโอไอ” พร้อมอำนวยความสะดวก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ก.พ.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบหารือกับ ผู้บริหารบริษัทเอกชนรายใหญ่ของจีน ระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ
รายแรก พบหารือกับ Mr. JIA Shaoqian, Chairman, Hisense Group ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ของจีน มีผลิตภัณฑ์ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจริยะ อาทิ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า
โดย นายกฯ กล่าวขอบคุณที่บริษัท Hisense ให้ความไว้วางใจและลงทุนในประเทศไทย รัฐบาลไทยพร้อมสนับสนุนการขยายการลงทุนของบริษัท โดยมีคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ (BOI) ทำหน้าที่ประสานงานและอำนวยความสะดวก
นางสาวแพทองธาร กล่าวอีกว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการดึงดูดการลงทุน พร้อมกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานในประเทศ ผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่อุปทานโลก จึงหวังว่าบริษัท Hisense จะพิจารณาใช้ชิ้นส่วนในประเทศควบคู่ไปกับการพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนไทย ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งแล้ว ยังจะช่วยให้การลงทุนของบริษัทในไทยเติบโตอย่างยั่งยืน โดยบีโอไอพร้อมจะสนับสนุนผ่านกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Sourcing Service) เชื่อมโยงผู้ประกอบการกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศที่มีศักยภาพ นอกจากนี้แรงงานไทยมีประสบการณ์และทักษะ เชื่อมั่นว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของบริษัทได้ และหากบริษัทพิจารณาพัฒนาแรงงานทักษะของไทยร่วมกับสถาบันการศึกษาในท้องถิ่น บีโอไอก็พร้อมเป็นหน่วยงานกลางในการประสานงานให้
ด้าน ผู้บริหารบริษัท Hisense เล็งเห็นความสำคัญต่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบด้าน โดยจะประสานงานอย่างใกล้ชิดกับบีโอไอ อีกทั้งเห็นว่าเศรษฐกิจไทยพัฒนาอย่างมั่นคงและมีพื้นฐานอันดี พร้อมกระชับความร่วมมือมากขึ้นในอนาคต และตั้งใจมีส่วนช่วยยกระดับห่วงโซ่ในไทยมากขึ้นด้วย
สำหรับ บริษัท Hisense Home Appliances Group Co., Ltd. Hisense Group จ้างงานรวมทั่วโลกกว่า 56,240 คน (R&D 3,317 คน) และเป็นหนึ่งในองค์กรทรงอิทธิพล ด้าน ESG จาก Fortune China 3 ปี (ปี 2565-2567) ของ Prestigious มีเป้าหมาย ESG (Hisense Group) Carbon Peaking ไม่เกินปี 2569 และ Carbon Neutrality ไม่เกินปี 2593
จากนั้น นางสาวแพทองธาร ได้พบกับ Mr. Alain Lam, CFO และ Vice President, Xiaomi Corporation ซึ่งได้ทราบว่า บริษัท Xiaomi ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอ จึงหวังว่าจะพิจารณาให้ไทยเป็นฐานสำคัญของบริษัทหรือพัฒนาห่วงโซ่อุปทานในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนตลาด IoT และอุปกรณ์อัจฉริยะในประเทศไทยและตลาดอาเซียน
ขณะที่ ผู้บริหารบริษัท Xiaomi กล่าวว่า บริษัทสามารถทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าได้จำนวนมากนับตั้งแต่เปิดตัวรุ่นแรก (SU7) เมื่อเดือนมี.ค.67
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ไทยมีอัตราการใช้รถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดในอาเซียน มีระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง รวมทั้งนโยบายรัฐบาลที่เอื้ออำนวย และห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง จึงหวังว่า บริษัทฯจะพิจารณาจัดตั้งโรงงานแห่งแรกในต่างประเทศที่ประเทศไทย รวมถึงกิจกรรม R&D ที่มุ่งพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญเพื่อสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนในประเทศไทย
นายกรัฐมนตรี ย้ำอีกว่า รัฐบาลและบีโอไอพร้อมสนับสนุนการลงทุนของบริษัท โดยมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนต่าง ๆ รวมถึง ease of doing business ด้วย
สำหรับ บริษัท Xiaomi Corporation ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2553 (ค.ศ. 2010) ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เริ่มต้นความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสำหรับโทรศัพท์มือถือ โดยในปี 2567 ติดอันดับที่ 397 จากการจัดอันดับ Fortune Global 500 ติดต่อกันเป็นปีที่หก และ Fortune China 500 ในอันดับที่ 102 Xiaomi เป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการผลิตอุปกรณ์ IoT, AIoT
(อุปกรณ์ IoT ที่ทำเทคโนโลยี AI เข้ามาประยุกต์ใช้ในอุปกรณ์ IoT ให้มีความอัจฉริยะยิ่งขึ้น) และ Smart Devices โดยมีผลิตภัณฑ์ เช่น สมาร์ทโฟนที่ใช้เฟิร์มแวร์พัฒนาเอง (เช่น รุ่น Mi Series, Mi Note Series, Mi Max Series, Mi Mix Series และ Redmi Series) และในปี 2561 ขยายผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Tablet Laptop และ Smart Home Devices หรืออุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้านที่สั่งการผ่านระบบ IoT และล่าสุดปี 2567 บริษัทขยายธุรกิจสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า