OKJ ร่วง 21% หลังโบรกปรับ “ขาย” หั่นเป้าเหลือ 12 บ. เหตุกำไร Q4 หด เซ่นต้นทุนพุ่ง
OKJ ร่วง 21% แพนิก! หลังกำไรไตรมาส 4/67 ลดลง 35% จากไตรมาสก่อนหน้า เหตุค่าใช้จ่ายและต้นทุนเพิ่มขึ้น ด้านโบรกแนะนำ “ขาย” ปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 12 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ก.พ.68) ราคาหุ้น บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ ณ เวลา 10:04 น. อยู่ที่ระดับ 12.40 บาท บวก 3.20 บาท หรือ 20.51% สูงสุดที่ระดับ 12.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 11.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 140.20 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นปรับตัวลดลง หลังผลการดำเนินงาน OKJ รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 39.30 ล้านบาท ลดลง 34.58% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 อยู่ที่ 60.08 ล้านบาท สาเหตุจากบริษัทฯ รายงานค่าใช้จ่ายในการขายในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 55.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน ส่งผลให้อัตราค่าใช้จ่ายในการขายต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ร้อยละ 31.1 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุหลักมาจากโครงสร้างค่าเช่าที่เปลี่ยนแปลงไปสาหรับแบรนด์โอ้ จู๊ซ และโอ้กะจู๋ แรปแอนด์โรล และค่าใช้จ่ายในการเตรียมเปิดสาขาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงค่าใช้จ่ายการตลาดที่มีการเปิดตัว Brand Admirer และเมนูใหม่ของแบรนด์โอ้ จู๊ซ ช่วงไตรมาส 4/67
บริษัทฯ รายงานค่าใช้จ่ายในการบริหารในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 41.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 22.5 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสาเหตุหลักมาจากค่าใช้จ่ายและสวัสดิการพนักงานที่สูงขึ้นจากการเพิ่มจำนวนพนักงานเพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตหน้าสาขาที่แปรผันตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อัตราค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้จากการขายอยู่ที่ร้อยละ 6.0 ซึ่งลดลงร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า บริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 35% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยรายได้รวมอยู่ที่ 691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสก่อนหน้า หนุนโดยการขยายสาขาเพิ่มเติมจากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 4/67 โอ๊กะจู๋ +4 สาขา, Oh! Juice +8 สาขา
ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 44% ลดลง 0.8 ppt เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 1.3 ppt จากไตรมาสก่อนหน้า จากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่มากขึ้นในต่างจังหวัด ส่วนค่าใช้จ่าย SG&A อยู่ที่ 257 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 23% จากไตรมาสก่อนหน้า จากค่าใช้จ่ายในการเปิดสาขานอก กทม. และค่าใช้จ่ายการตลาดเปิดตัว Brand Admirer เป็นปัจจัยกดดันผลประกอบการให้ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 4/67
ด้านผลประกอบการปี 67 กำไรสุทธิอยู่ที่ 202 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนต่ำกว่าประมาณการของทางฝ่ายวิจัยลดลง 12% แม้รายได้รวมใกล้เคียงประมาณการของเราแต่ปัจจัยหลักกดดันมาจากค่าใช้จ่ายในการพัฒนาธุรกิจโดยเฉพาะในไตรมาส 4/67 เปิดตัว Brand Admirer แม้อาจเป็นค่าใช้จ่าย one time แต่ปัจจัยที่กังวลคือ GPM ในไตรมาส 4/67 ที่ลดลงจากต้นทุนวัตถุดิบสูงขึ้นและค่าใช้จ่ายในการขนส่งที่มากขึ้นในต่างจังหวัดอาจทำให้ GPM ขยายตัวได้ช้ากว่าที่เคยประเมินรวมถึงสภาวะเศรษฐกิจที่อาจกระทบยอดขายโดยรวม
โดยเริ่มมีสัญญาณที่ต้องระวังหลังยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ในไตรมาส 4/67 ลดลง 1.8% จึงปรับประมาณการปี 67-68 ลง เพื่อสะท้อนสมมติฐานที่รักษากำไรมากขึ้น แม้ปรับคำแนะนำเป็น “ขาย” จาก “ถือ” ราคาเป้าหมายลงเป็น 12.00 บาท จากเดิม 15.00 บาท