ดีอี เร่งลูกค้ายืนยันตัวตน Mobile Banking ป้องกันภัยไซเบอร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ก.พ.68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า จากกรณีกระทรวงดีอี ร่วมมือกับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.), Telco (ผู้ให้บริการโทรคมนาคม), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.), ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ธนาคารแห่งประเทศไทย, ธนาคาร, สมาคมธนาคารไทย และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย ยกระดับความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยมีการแจ้งเตือน “กลุ่มที่ต้องยืนยันตัวตน” ให้มายืนยันตัวตน ภายในวันที่ 30 เม.ย.68

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนการดำเนินมาตรการฯ ทางธนาคาร จะแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน Mobile Banking ของแต่ละธนาคารเท่านั้น ไม่มีการแจ้งเตือนผ่านทางช่องทางอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการโทรติดต่อโดยตรงหรือการแจ้งผ่านข้อความ SMS และแพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อป้องกันการแอบอ้างของมิจฉาชีพ

โดย “กลุ่มที่ต้องยืนยันตัวตน” จะได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอปฯ Mobile Banking มี 2 กลุ่ม ได้แก่ 1. กลุ่มลูกค้าที่ไม่พบข้อมูลชื่อเจ้าของซิม ซึ่งเปิดบัญชี ตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 จำนวน 2,364,370 ราย 2. กลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ชื่อ เจ้าของซิม กับ Mobile Banking ไม่ตรงกัน ซึ่งเปิดบัญชีตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 จำนวน 811,645 ราย

“เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน และความวิตกกังวลต่อประชาชน กระทรวงดีอี ขอแจ้งว่า ธนาคารได้ส่งข้อความแจ้งเตือนกลุ่มที่ต้องยืนยันตัวตน ทั้ง 2 กลุ่มไปแล้วทั้งหมด ซึ่งหากบุคคลใดไม่ได้รับการแจ้งเตือนผ่าน แอปฯ Mobile Banking จากธนาคารโดยตรง บุคคลนั้นไม่จำเป็นต้องดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น” รองนายกฯและรมว.กระทรวงดีอี กล่าว

นายประเสริฐ ย้ำอีกครั้งว่า ธนาคารไม่มีนโยบายแจ้งเตือนโดยการโทรติดต่อโดยตรง หรือการส่งข้อความ SMS แนบลิงก์ ซึ่งหากพบการกระทำดังกล่าว ให้ถือว่าเป็นการหลอกลวงจากมิจฉาชีพ ขอให้หลีกเลี่ยงการพูดคุย หรือการกระทำใด ๆ ที่อาจส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและข้อมูลส่วนบุคคลได้