![](https://media.kaohoon.com/wp-content/uploads/2024/08/Stockmarket_2024-08-05_down.jpg)
“ดาวโจนส์” ปิดร่วง 444 จุด กังวลเทรดวอร์-ตัวเลขจ้างงานสหรัฐอ่อนแอ
ดัชนีดาวโจนส์ ปิดร่วง 444 จุด ปิดที่ 44,303.40 จุด โดนัลด์ ทรัมป์เตรียมประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กับหลายประเทศในสัปดาห์หน้า ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดลบในวันศุกร์ (7 ก.พ.68) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาวางแผนที่จะประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กับหลายประเทศในสัปดาห์หน้า ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่อ่อนแอ
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,303.40 จุด ลดลง 444.23 จุด หรือ -0.99%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,025.99 จุด ลดลง 57.58 จุด หรือ -0.95% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,523.40 จุด ลดลง 268.59 จุด หรือ -1.36%
ดัชนีหุ้นทั้ง 3 ตัวปรับตัวลงในรอบสัปดาห์นี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ยุติการปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 3 สัปดาห์และปิดลดลง 0.54%, ดัชนี S&P500 ลดลง 0.24% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 0.53%
ทรัมป์ไม่ได้ระบุว่าประเทศใดจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษี แต่บอกเป็นนัยว่า จะเป็นมาตรการในวงกว้าง ซึ่งอาจช่วยแก้ปัญหางบประมาณของสหรัฐฯ ด้วย
มาร์ก แฮ็กเก็ตต์ หัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดจากเนชันไวด์ (Nationwide) กล่าวว่า “ตลาดได้รับแรงกดดันตั้งแต่เช้าเพราะรายงานการจ้างงาน และไม่นานนัก ผู้คนก็หันไปให้ความสนใจกับประเด็นภาษีแทน”
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นเปิดทำการได้อย่างย่ำแย่ หลังจากที่ทรัมป์ประกาศมาตรการภาษีการค้าในช่วงสุดสัปดาห์ ก่อนที่เขาจะสั่งเลื่อนการเก็บภาษีสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเป็นเวลา 1 เดือนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของหลายบริษัทในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาได้ช่วยพยุงตลาด
ในช่วงเช้าวันศุกร์ มีการเปิดเผยผลสำรวจบ่งชี้ว่า ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐลดลงเกินคาดในเดือนก.พ.สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น โดยภาคครัวเรือนมองว่า อัตราเงินเฟ้อในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4.3% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2566
รายงานอีกฉบับระบุว่า การจ้างงานในสหรัฐเติบโตช้ากว่าคาดในเดือนม.ค. หลังจากขยายตัวแข็งแกร่งในช่วง 2 เดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงานยังอยู่ที่ 4% ซึ่งหมายความว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะรอจนถึงอย่างน้อยในเดือนมิ.ย.ก่อนปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ดัชนีความผันผวนของตลาด (Cboe Volatility Index) หรือดัชนีความวิตก เพิ่มขึ้น 6.6% ในวันศุกร์ สู่ระดับ 16.3
นักลงทุนในตลาดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นล่วงหน้าคาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียงครั้งเดียวในปีนี้ ต่างจากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยสองครั้งซึ่งจะเริ่มขึ้นในเดือนมิ.ย.
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปรับตัวลงในวันศุกร์ โดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยนำตลาดร่วงลงราว 2.5%
ส่วนความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นเอ็กซ์พีเดีย (Expedia) พุ่งขึ้น 17.3% สวนทางตลาด หลังจากบริษัทแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์แห่งนี้รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ดีกว่าที่คาดไว้
หุ้นอูเบอร์ (Uber) พุ่งขึ้น 6.6% หลังจาก บิล แอ็คแมน มหาเศรษฐีและผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์เปิดเผยว่า เขาถือหุ้นจำนวนมากในอูเบอร์
แต่หุ้นอะเมซอนดอทคอม (Amazon.com) ร่วงลง 4.1% เนื่องจากความอ่อนแอของธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง และการคาดการณ์รายได้และผลกำไรไตรมาสแรกต่ำกว่าที่คาดไว้
หุ้นเอลฟ์ บิวตี้ (Elf Beauty) ร่วงลง 19.6% หลังจากบริษัทเครื่องสำอางแห่งนี้ปรับลดคาดการณ์ยอดขายและกำไรสุทธิประจำปี
กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 143,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 169,000 ตำแหน่ง หลังจากเพิ่มขึ้น 307,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.0% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.1%
ด้านมหาวิทยาลัยมิชิแกนเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับ 67.8 ในเดือนก.พ. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 71.3 จากระดับ 71.1 ในเดือนม.ค. ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 4.3% ในช่วง 1 ปีข้างหน้า สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.3% และเพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระดับ 3.3%
นอกจากนี้ ผู้บริโภคคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 3.3% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.2% และเพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระดับ 3.2%