![](https://media.kaohoon.com/wp-content/uploads/2024/06/MAGURO_2024-06-05_2_0.jpg)
MAGURO เด้ง 3% โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 26 บ. ลุ้นกำไรปี 68 แตะ 141 ล้าน
MAGURO ดีด 3% โบรกชี้กำไรไตรมาส 4/67 แตะ 34 ล้านบาท โต 149% ขณะที่กำไรปี 68 แตะ 141 ล้าน โต 47% รับรายได้พุ่ง และขยายสาขาหนุน โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 26 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ก.พ.68) บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO ณ เวลา 14:17 น. อยู่ที่ระดับ 18.00 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 3.45% สูงสุดที่ระดับ 18.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 17.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 26.99 ล้านบาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ทางฝ่ายวิจัยประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 149% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาสก่อนหน้า หนุนโดยรายได้ขยายตัว 42% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 4.5% และขยายสาขาเป็น 38 สาขาจากไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 25 สาขา
อีกทั้งแบรนด์ใหม่เติบโตดีกว่าคาด โดยเฉพาะ Tonkatsu Aoki เติบโตสูงกว่าเป้าที่บริษัทตั้งไว้มาก และอัตรากำไรขั้นต้น GPM ขยายตัว จากสัดส่วน Hitori Shabu ที่ high margin ปรับตัวเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายปรับตัวลดลงจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดี
ด้านกำไรเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าจาก high season สำหรับต้นทุน salmon มีสัดส่วนเป็น 20-25% ของ COGS ของ MAGURO มองว่าต้นทุนแซลมอน และเนื้อวากิวที่ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จะช่วยหนุน GPM ขยายตัว เป็น upside ต่อประมาณการทางฝ่ายวิจัย เบื้องต้น คงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่คาดการณ์กำไรสุทธิปี 68 อยู่ที่ 141 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากรายได้ที่เติบโตทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเพิ่มขึ้น 23% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และขยายสาขา 13 สาขา, คาดรายได้จากแบรนด์ใหม่ที่ 132 ล้านบาท คาด NPM ของแบรนด์ ใหม่ที่ 9-10%, GPM ขยายตัว จากสัดส่วนรายได้ของ Hitori Shabu, Tonkatsu Aoki, Cou Cou ซึ่ง high margin ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ คงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายที่ 26 บาท อิงปี 68 มีค่า PER อยู่ที่ 23.50 เท่า ยังชอบ MAGURO จาก 1) ธุรกิจร้านอาหารแบบ Full-Service ไทย ยังมีการเติบโตต่อเนื่อง, 2) มีอัตราการเข้าถึงตลาดยังต่ำเมื่่อเทียบกับคู่แข่ง, 3) มี Brand Awareness และ Brand Loyalty ที่แข็งแกร่ง โดยสัดส่วน รายได้จากสมาชิกสูง 55% และ 4) valuation ไม่แพงเมื่อเทียบกับการเติบโตของกำไรปี 67-68 ที่ทำ All Time High
ขณะที่ปัจจุบันหุ้น MAGURO ซื้อขายที่ค่า PER ปี 2568 อยู่ที่ 15.6 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรม (peer) ที่อยู่ที่ 19 เท่า อีกทั้งยังมี ปัจจัยบวกระยะสั้น (short-term catalysts) จากผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ที่คาดว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (new high)