CGSI ชี้ “จีน” ขึ้นภาษีนำเข้า “น้ำมัน-LNG” สหรัฐ กระทบน้อย ชู PTTEP-SPRC เด่น-ปันผลสูง

นักวิเคราะห์ชี้ “จีน” ปรับขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมัน-ก๊าซจากสหรัฐฯ กระทบตลาดพลังงานโลกจำกัด พร้อมชู PTTEP-SPRC โดดเด่น ให้ผลตอบแทนปันผลสูง


บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า จากกรณีรัฐบาลจีนประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าน้ำมันดิบจากสหรัฐฯ ในอัตรา 10% และภาษีนำเข้า LNG ในอัตรา 15% นั้น มองว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อโรงกลั่นน้ำมันในประเทศ ทั้งนี้ เนื่องจากสัดส่วนน้ำมันที่จีนจัดหาจากสหรัฐฯ คิดเป็นเพียง 1.8% ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมดในช่วงครึ่งแรกของปี 67 อย่างไรก็ตาม มาตรการกดดันการส่งออกน้ำมันของอิหร่านที่ประกาศโดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงการคว่ำบาตรอุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซีย อาจส่งผลกระทบต่อโรงกลั่นขนาดเล็กในจีนที่พึ่งพาน้ำมันจากสองประเทศดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม นอกจากน้ำมันดิบ รัฐบาลจีนยังได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ ในอัตรา 15% ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ว่าผลกระทบต่อราคาก๊าซธรรมชาติอาจอยู่ในระดับที่จำกัด เนื่องจากปริมาณการนำเข้าของจีนจากสหรัฐฯ มีสัดส่วนเพียง 5% ของปริมาณส่งออกทั้งหมดของสหรัฐฯ แต่ประเด็นที่ต้องจับตามองคือภาษีนำเข้า LPG และ อีเทน ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี โดยข้อมูลจากศุลกากรจีนระบุว่า จีนพึ่งพาการนำเข้าจากสหรัฐฯ ในสัดส่วนสูงถึง 60% สำหรับ LPG และ เกือบ 100% สำหรับอีเทน

ทั้งนี้ หากย้อนกลับไปในปี 61 จีนเคยใช้มาตรการตอบโต้ด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าเคมีภัณฑ์และพลาสติกจากสหรัฐฯ ส่งผลให้สินค้ากลุ่มดังกล่าวเปลี่ยนเส้นทางการส่งออกไปยังภูมิภาคอาเซียน ข้อมูลจาก Chemical Market Analytics (CMA) ชี้ว่า สัดส่วนการนำเข้า PE (Polyethylene) จากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี 61 เป็น 17% ของปริมาณนำเข้ารวมของจีนในปี 67 ซึ่งหมายความว่าการปรับขึ้นภาษีครั้งใหม่นี้ อาจสร้างแรงกดดันต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมี และอาจกระทบต่อกำไรของบริษัทในภูมิภาค เช่น SCC และ IRPC

ขณะที่ในส่วนของอุตสาหกรรม PET (Polyethylene Terephthalate) สหรัฐฯ เคยประกาศเก็บภาษีสินค้ากลุ่มนี้จากจีนในอัตราสูงถึง 76% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจีนไม่ได้เป็นผู้ส่งออก PET รายใหญ่ไปยังสหรัฐฯ โดยมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 2% ในปี 67 จึงคาดการณ์ว่าผลกระทบในภาคอุตสาหกรรมดังกล่าวจะอยู่ในวงจำกัด ฝ่ายวิเคราะห์ของ CGSI ยังคงแนะนำให้ถือสถานะการลงทุนในกลุ่มพลังงานของไทยในระดับ “Neutral” เนื่องจากความเสี่ยงด้านนโยบายและกฎระเบียบอาจส่งผลต่อค่าการกลั่นในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม PTTEP และ SPRC ยังคงเป็นหุ้นเด่นที่น่าจับตา เนื่องจากมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 7.1% และ 6.6% ตามลำดับ ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวของมาตรการตอบโต้ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดพลังงานโลก

Back to top button