“สคทช.” จัดงานฉลอง 4 ปี ดัน AI พลิกโฉมบริหารที่ดินไทย

สคทช. จัดงานฉลอง 4 ปี ยกระดับการบริหารจัดการที่ดินไทย ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล-AI เผยผลงานออกหนังสืออนุญาตแล้ว กว่า 2.7 ล้านไร่ จัดคนเข้าใช้ประโยชน์กว่า 9.1 หมื่นราย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ก.พ.68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พร้อมด้วย นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะ เป็นประธานเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ พร้อมมอบโล่มอบโล่รางวัลเชิดชูเกียรติแก่หน่วยงานที่ร่วมขับเคลื่อนภารกิจคณะอนุกรรมการพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐ (คพร.จังหวัด) และ คณะอนุกรรมการนโยบายที่ดินจังหวัด (คทช.จังหวัด) ดีเด่น

ในงานสัมมนายกระดับการบริหารจัดการที่ดินผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์ (AI) 4 ปี สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) ภายใต้หัวข้อ “Smart Land, Smart Future” เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจและเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ ด้านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และ AI เกี่ยวกับการบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยเหลือเกษตรกร ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และภาคเอกชน

อีกทั้งเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการจำหน่ายผลผลิตและผลิตภัณฑ์ของเกษตรกรในพื้นที่ คทช. ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย นอกจากนี้เพื่อประชาสัมพันธ์ภารกิจและผลการดำเนินงานที่สำคัญของ สคทช., คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และคณะอนุกรรมการฯ ตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่ดินของรัฐ เร่งจัดทำแผนที่ทันสมัยและใช้เทคโนโลยี เพื่อปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐและแก้ปัญหาที่ดินทับซ้อน ยุติความขัดแย้งและแก้ไขข้อพิพาทเกี่ยวกับที่ดิน ทั้งระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกัน และระหว่างภาครัฐและประชาชน เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิที่ดิน ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินเพิ่มขึ้นให้ทุกภาคส่วนได้มีความรู้ความเข้าใจอย่างกว้างขวางและทั่วถึง

โดยมีนางรวีวรรณ ภูริเดช ผู้อำนวยการ สคทช. พร้อมคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สคทช. ผู้แทนหน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน กว่า 500 คน ร่วมให้การต้อนรับและเข้าร่วมงานฯ ณ ห้องวายุภักษ์แกรนด์บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์

นายประเสริฐ กล่าวว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีดิจิทัลมีอิทธิพลอย่างมากต่อการดำเนินงานของภาครัฐ ภาคธุรกิจ ตลอดจนการใช้ชีวิตของประชาชน การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและAI มาใช้บริหารจัดการที่ดินของประเทศ จึงเป็นการสร้างความทันสมัยและเสริมประสิทธิภาพการบริหารจัดการภาครัฐให้ทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อันจะก่อให้เกิดประโยชน์โดยตรงกับประชาชน

ทั้งนี้การนำเทคโนโลยีดิจิทัล และ AI มาใช้ในการบริหารจัดการที่ดินของ สคทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งการนำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ในการปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 หรือ One Map การปรับเปลี่ยนการจัดทำแผนที่แนบท้ายให้เป็นรูปแบบดิจิทัล การนำเทคโนโลยี AI และ Deep Learning มาพัฒนาประสิทธิภาพการพิสูจน์สิทธิในเขตที่ดินของรัฐ

การใช้ Big data ในการจัดทำฐานข้อมูลกลางด้านที่ดินของประเทศ การติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายจัดที่ดินทำกินให้ชุมชน การจัดทำฐานข้อมูลที่ดินเพื่อรองรับการใช้กฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของ EU หรือ EUDR การเสริมสร้างขีดความสามารถของประชาชนในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและข้อมูลข่าวสารในการผลิตและประกอบอาชีพผ่านการใช้ Internet of Things เพื่อส่งเสริมการทำเกษตรอัจฉริยะ (Smart farming) และส่งเสริมการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ผ่านช่องทางออนไลน์

สิ่งเหล่านี้ล้วนตอบโจทย์นโยบายการพัฒนาดิจิทัลของรัฐบาลในการสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสร้างโอกาสทางสังคมอย่างเท่าเทียม ซึ่งรวมถึงการช่วยให้ประชาชนเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานด้านไฟฟ้า ประปา โดยผ่านกระบวนการพิสูจน์สิทธิ์ของ คทช. ที่นำเทคโนโลยีการอ่านภาพถ่ายดาวเทียมมาใช้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยจะเห็นได้ว่าการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาใช้การบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน เป็นการวางรากฐานที่จะก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อโครงสร้างและกระบวนการทำงานที่จะเป็นประโยชน์กับประชาชนในวงกว้าง

ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึง พัฒนาและใช้ประโยชน์จากสารสนเทศและบริการภาครัฐได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสและการเข้าถึงบริการของภาครัฐแล้ว ยังช่วยลดช่องว่างระหว่างผู้ที่สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลกับผู้ที่ขาดโอกาสในการเข้าถึงและไม่สามารถใช้ประโยชน์จากไอซีทีได้

“ผมขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันพิจารณากำหนดแนวทางในการดำเนินงานเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพื่อประโยชน์ของประเทศในภาพรวม โดยเฉพาะการร่วมมือกันจัดทำแผนที่ดิจิทัลเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์ต่อไป และขอให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ สคทช. ทุกท่าน เดินหน้าปฏิบัติงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจมุ่งบูรณาการการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ในการแก้ไขปัญหาที่ดินของประเทศอย่างเป็นธรรม เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม แก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชน ช่วยพัฒนาทุนมนุษย์สู่ยุคดิจิทัล และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันของไทยในเวทีโลกอย่างยั่งยืน” รองนายกฯและรมว.ดิจิทัล ระบุ

ขณะที่ ผอ.สคทช. กล่าวว่า สคทช. ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของคทช. ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา สคทช. มีผลการดำเนินงานที่สำคัญ ประกอบด้วย การปรับปรุงแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1:4000 (One Map) เพื่อลดปัญหาการทับซ้อนของแนวเขตที่ดินของรัฐภายใต้หลักการ One Land, One Law ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จและคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแล้วใน 4 กลุ่ม รวม 44 จังหวัด ส่วนกลุ่มที่ 5 ได้ผ่านการเห็นชอบของ คทช. แล้ว อยู่ระหว่างการเสนอต่อครม. พิจารณา และยังได้ปรับปรุงแนวเขตที่ดินของรัฐและแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของราษฎรตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี กรณีพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำน้ำน่าน อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์ ให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนสิริกิติ์ ซึ่งมีปัญหาความขัดแย้งมายาวนานกว่า 50 ปี การพิสูจน์สิทธิในที่ดินของรัฐและการอ่านแปลภาพถ่ายทางอากาศ ในปีงบประมาณ 2567 สามารถแก้ปัญหาได้ข้อยุติใน 1,050 ราย จำนวน 1,071 แปลง เนื้อที่ประมาณ 6,850 ไร่ และได้มีการส่งไปอ่านแปล ตีความภาพถ่ายทางอากาศ จำนวน 373 ราย จำนวน 404 แปลง

สำหรับการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล ตามหลักเกณฑ์ที่ คทช. กำหนด โดยให้หนังสืออนุญาตทำกินและสามารถตกทอดสู่ทายาทได้ ซึ่งได้กำหนดพื้นที่เป้าหมาย รวม 1,594 พื้นที่ ในเนื้อที่ 5.92 ล้านไร่ ออกหนังสืออนุญาตแล้วประมาณ 2.7 ล้านไร่ และจัดคนเข้าใช้ประโยชน์ในที่ดินแล้วประมาณ 92,000 ราย และส่งเสริมพัฒนาอาชีพแล้วกว่า 350 พื้นที่ ใน 68 จังหวัด รวมถึงการพัฒนาระบบฐานข้อมูลกลางด้านที่ดินและทรัพยากรดินของประเทศ (Big Data Platform) และการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการและแก้ไขปัญหาเรื่องร้องทุกข์ที่ดินและทรัพยากรดิน ในรูปแบบ e-Petitions และผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ”

ทั้งนี้ สคทช. มีเป้าหมายที่จะเดินหน้าขับเคลื่อนภารกิจโดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI มาประยุกต์ใช้ในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นธรรม สะดวกและรวดเร็ว ในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนด้านที่ดินทำกินที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังได้เร่งรัดขับเคลื่อนแนวทางการสร้างมูลค่าที่ดินที่รัฐจัดให้กับประชาชน เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถนำสมุดประจำตัวผู้ได้รับอนุญาตให้อยู่อาศัยในพื้นที่ คทช. เป็นหลักประกันในการเข้าถึงแหล่งทุนของรัฐในการประกอบอาชีพได้ รวมทั้งเร่งรัดผลักดันให้ความช่วยเหลือประชาชนที่อยู่อาศัยในเขตที่ดินของรัฐให้เข้าถึงสาธารณูปโภคไฟฟ้า ประปา เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืนต่อไป

สำหรับการจัดโครงการสัมมนายกระดับการบริหารจัดการที่ดินผ่านการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ของ สคทช. ในครั้งนี้ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-11 ก.พ.68 ณ ห้องวายุภักษ์แกรนด์บอลรูมชั้น 4 โรงแรมเซ็นทรา บาย เซ็นทารา ไลฟ์ ศูนย์ราชการและคอนเวนซันเซ็นเตอร์ และลานเอนกประสงค์ อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ตั้งแต่เวลา 08:30 – 16:30 น. เป็นต้นไป

Back to top button