![](https://media.kaohoon.com/wp-content/uploads/2025/02/America-Stockmarket_2025-02-05_up_0.jpg)
“ดาวโจนส์” ปิดบวก 167.01 จุด รับแรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม “เหล็ก-อะลูมิเนียม” ในสหรัฐฯ
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันจันทร์ปิดสดใส ดัชนี 3 ตัวหลักปิดบวก หุ้นบิ๊กเทคฯ นำ ขณะหุ้นกลุ่มเหล็ก-อะลูมิเนียม พุ่งแรง หลัง “ทรัมป์” ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่น 25%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันจันทร์ (10 ก.พ.68) ปิดปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่นักลงทุน เริ่มคลายกังวลต่อคำขู่เรื่องภาษีนำเข้าล่าสุด ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมมองว่าเป็นกลยุทธ์เพื่อนำไปสู่การเจรจาทางการค้า
- ดัชนีดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 44,470.41 จุด บวก 01 จุด หรือ 0.38%
- ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,066.48 จุด บวก 49 จุด หรือ 0.67%
- ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 19,714.27 จุด บวก 87 จุด หรือ 0.98%
หลังประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศจะเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ในอัตรา 25% ทำให้ หุ้นของ U.S. Steel ผู้ผลิตเหล็กยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ทะยานขึ้น 4.8% ขณะที่ Nucor บวก 5.6% ส่วน Cleveland-Cliffs พุ่งเกือบ 18% และ Alcoa ปิดบวก 2.2%
นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ก็ปรับตัวขึ้น หลังจากเผชิญแรงขายอย่างหนัก ในช่วงปลายเดือนมกราคม เนื่องจากความกังวล หลังการเปิดตัวของ DeepSeek สตาร์ทอัพ AI สัญชาติ จีน โดย Nvidia เพิ่มขึ้น 2.9% Broadcom บวก 4.5% และ Micron ขยับขึ้น 3.9% เช่นเดียวกับหุ้นบิ๊กเทคฯ อย่าง Alphabet, Amazon และ Microsoft ก็ปรับตัวขึ้นเช่นกัน
อย่างไรก็ดี เจพี มอร์แกน (JP Morgan) ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาด แม้มีความผันผวนจากข่าวภาษี และความไม่แน่นอนด้านกฎหมายในสหรัฐฯ โดย Fabio Bassi หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินทรัพย์ของ JPMorgan ระบุว่า “แม้จะมีแรงกดดันจาก DeepSeek และข่าวภาษี แต่มุมมองของเราต่อสินทรัพย์เสี่ยงยังคงเป็นบวก โดยเรายังคงตั้งเป้าหมายดัชนี S&P 500 ที่ 6,500 จุดภายในสิ้นปีนี้”
อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ที่ต้องติดตาม โดยนักลงทุนกำลังรอคอยรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ประจำเดือนมกราคม ซึ่งจะประกาศในวันพุธ (12 ก.พ.68) เวลา 08:30 น. ตามเวลาสหรัฐฯ ขณะที่วันพฤหัสบดี (13 ก.พ.68) จะมีการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)
นอกจากนี้นักลงทุนยังให้ความสนใจถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Fed) ซึ่งมีกำหนดขึ้นกล่าวถ้อยแถลงต่อสภาคองเกรสในวันอังคารนี้ ที่อาจมีผลต่อทิศทางตลาดการเงิน โดยเฉพาะมุมมองในเรื่องดอกเบี้ยนโยบาย