ORN บวกแรง 9% ส่งซิกรายได้ปีนี้โต 60% เปิดโรงเรียนนานาชาติ Q4

ORN บวกแรง 9% ตั้งเป้ารายได้ปี 68 โต 60% แตะ 2,218 ล้านบาท ตุนแบ็กล็อก 1,763 ล้านบาท พร้อมวางเป้ายอดขายปี 68 ไว้ที่ 2,414 ล้านบาท เตรียมเปิดที่อยู่อาศัยใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,945 ล้านบาท ขณะที่โรงเรียนนานาชาติ Mill Hill International School Thailand ที่เชียงใหม่ พร้อมเปิดการเรียนการสอน ก.ย.นี้ เริ่มบุ๊กรายได้ไตรมาส 4/68


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(11ก.พ.68) ราคาหุ้นบริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN ณ เวลา 11:59 น. อยู่ที่ระดับ 0.72 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 9.09% ราคาต่ำสุด 0.66 บาท ราคาสูงสุด 0.74 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4.74 ล้านบาท

โดยนายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORN เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 2,218 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 60% จากปีก่อน ซึ่งล่าสุดบริษัทมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) อยู่ที่ 1,763 ล้านบาท จากโครงการอยู่ระหว่างขายทั้งหมด 27 โครงการ จะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2568-2569

ขณะที่บริษัทวางเป้าหมายยอดขาย (Presale) ในปี 2568 ไว้ที่ 2,414 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/2568 บริษัทวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 580 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายในช่วงเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว สามารถทำได้เกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ทั้งไตรมาสแล้ว มาจากการขายโครงการที่อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 27 โครงการ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 4,551 ล้านบาท

นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORN เปิดเผยว่า ในปี 2568 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายใหม่ จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,945 ล้านบาท เป็นโครงการในพื้นที่เชียงใหม่ทั้ง 2 โครงการ ประกอบด้วย

1.โครงการแนวราบ HABITAT เป็นบ้านหรูสไตล์ Neo Classic มูลค่าโครงการ 568 ล้านบาท จะเปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568 และ 2.โครงการคอนโดมิเนียม THE ASTRA เป็นคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี บนทำเลศักยภาพ มูลค่าโครงการ 1,380 ล้านบาท จะเปิดตัวภายในไตรมาส 4/2568

นอกจากนี้ ในปี 2568 บริษัทมีแผนเปิดให้บริการโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ THE BACKYARD ขนาด 4,000 ตารางเมตร (พื้นที่ขาย 2,600 ตารางเมตร) มูลค่าโครงการรวม 200 ล้านบาท เป็นศูนย์กลางใหม่แห่งการช้อปปิ้งและการพักผ่อนครบวงจร ซึ่งภายในโครงการประกอบด้วยพื้นที่เช่าสำหรับร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์สุขภาพ และพื้นที่การศึกษาบนอาคาร 2 ชั้น โดยจะพร้อมให้บริการภายในไตรมาส 4/2568 คาดว่าจะสร้างรายได้ประมาณ 20-30 ล้านบาทต่อปี

“การลงทุนเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2568 เราจะทำแบบอนุรักษนิยม (Conservative) เพื่อรอดูสถานการณ์ของตลาดก่อน ซึ่งในช่วงต้นปีที่ผ่านมา การแข่งขันค่อนข้างแข่งดุ เราจึงเน้นขายสินค้าที่มีอยู่ก่อน เพื่อดึงสภาพคล่องกลับมาก่อน หากสถานการณ์ดีขึ้นเรามีความพร้อมที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ทันที โดยปัจจุบันเรามีที่ดินสำหรับรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในเมืองแล้วจำนวน 4 โครงการ เป็นโครงการแนวราบ 2 โครงการ และคอนโดมิเนียม 2 โครงการ” นายอรรคเดช กล่าว

ส่วนงบประมาณลงทุนปี 2568 จะอยู่ที่ 2,595 ล้านบาท แบ่งเป็น งบสำหรับลงทุนซื้อที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ และภูเก็ต จำนวน 500 ล้านบาท, งบรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ จำนวน 1,469 ล้านบาท และงบปรับปรุงการดำเนินงานและการก่อสร้างให้สอดรับต่อการดำเนินการด้าน ESG จำนวน 626 ล้านบาท

นายอรรคเดช กล่าวอีกว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ยังสามารถขยายตัวต่อได้ ซึ่งปัจจัยสนับสนุนมาจากการขยายตัวของเมือง การเติบโตของภาคการท่องเที่ยว และนโยบายภาครัฐกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์เปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติสามารถเช่าอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยระยะยาว เป็นกลไกสำคัญในการดึงดูดนักลงทุนชาวไทยที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุนปล่อยเช่า และชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่มากขึ้น

สำหรับความคืบหน้าของธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ Mill Hill International School Thailand โรงเรียนสัญชาติอังกฤษแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันการก่อสร้างเฟสแรกแล้วเสร็จ ประกอบด้วย อาคารอำนวยการ และอาคารเรียนชั้นปฐมวัย และขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 4 อาคาร ในเฟสที่ 2 โดยมีกำหนดเปิดทำการในเดือนกันยายน 2568 เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล-Year 6 ซึ่งจะสามารถเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ การลงทุนโรงเรียนนานาชาติ Mill Hill International School Thailand ในเฟส 1 และเฟส 2 ใช้งบลงทุนรวม 670 ล้านบาท โดยจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 4/2568 เป็นต้นไป และคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 1-2% ของรายได้รวม แต่ในปี 2569 สัดส่วนรายได้จะเพิ่มเป็น 20% ของรายได้รวม จากการตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนนักเรียนเป็น 300 คน จากปี 2568 ที่มีนักเรียน 77 คน ซึ่งค่าเทอมจะอยู่ที่ 400,000-700,000 บาทต่อคนต่อปี (เฉลี่ย 500,000 บาทต่อคนต่อปี)

Back to top button