FETCO เปิดดัชนีเชื่อมั่นนลท. 3 เดือนหน้า “ทรงตัว” หวังรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ
FETCO เปิดดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า “ทรงตัว” อยู่ที่ระดับ 91.78 จับตางบบริษัทจดทะเบียน ผนวกมาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ หนุนตลาด
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนมกราคม 2568 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-31 มกราคม 2568) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าปรับขึ้นมาอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” อยู่ที่ระดับ 91.78 นักลงทุนมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด
ขณะที่ รองลงมา คือ ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและการไหลเข้าของเงินทุน ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ การไหลออกของเงินทุน การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์เศรษฐกิจจีน
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนมกราคม 2568 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้
1.ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (เมษายน 2568) อยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว” (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ที่ระดับ 91.78
2.ความเชื่อมั่นกลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ อยู่ในเกณฑ์ “ซบเซา” ในขณะที่กลุ่มกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มนักลงทุนสถาบัน และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ “ทรงตัว”
3.หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร (BANK)
4.หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือ หมวดยานยนต์ (AUTO)
5.ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
6.ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การไหลออกของเงินทุน
“ผลสำรวจ ณ เดือนมกราคม 2568 รายกลุ่มนักลงทุน พบว่า ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล ปรับลด 6.1% อยู่ที่ระดับ 80.51 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับลดลง 14.3% อยู่ที่ระดับ 60.00 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 42.9% อยู่ที่ระดับ 111.11 และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศปรับเพิ่ม 33.3% อยู่ที่ระดับ 100.00” นายกอบศักดิ์ กล่าว
ในช่วงเดือนมกราคม 2568 SET Index ปรับตัวลดลงตลอดทั้งเดือนซึ่งได้รับผลกระทบจากแรงเทขายกองทุน LTF ที่ครบกำหนดอายุในปีนี้ และนักลงทุนต่างชาติยังขายออกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความกังวลต่อสถานการณ์การค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากนโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ โดย SET Index ณ สิ้นเดือนมกราคม 2568 ปิดที่ 1,314.50 ปรับตัวลดลง 6.1% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนมกราคม 2568 อยู่ที่ 39,006 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 11,504 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจัยต่างประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ สงครามการค้าจากการเก็บภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จาก แคนาดา เม็กซิโก และจีนที่เริ่มเดือนกุมภาพันธ์ 2568 นี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อเงินเฟ้อและการตัดสินใจลดดอกเบี้ยของ FED ความไม่แน่นอนทางการเมืองในฝรั่งเศสและเยอรมันซึ่งอาจส่งผลให้เศรษฐกิจยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอย ผลของมาตรการกระตุ้นตลาดทุนจีนหลังจากรัฐบาลจีนสั่งให้บริษัทประกันและกองทุนเข้าลงทุนในหุ้นจีนในช่วง 3 ปีข้างหน้า
ส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การขยายตัวของการบริโภคในประเทศตามแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางการลงทุนของภาครัฐ แนวโน้มการลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. และการประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน