![](https://media.kaohoon.com/wp-content/uploads/2024/03/CL_2024_monica.jpg)
เด้งเพื่อขึ้น..หรือเพื่อลง
งานนี้ใครจะหาว่า “โมนิก้า” เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะต่างคนต่างมีความคิดของตัวเอง
งานนี้ใครจะหาว่า “โมนิก้า” เป็นคนมองโลกในแง่ร้ายก็ช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะต่างคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง ส่วนอีฉันยังมองตลาดหุ้นไทยในแง่บวกเป็นส่วนใหญ่ แต่ตัวแปรหลายอย่างที่อยู่เหนือการควบคุมทำให้ตลาดหุ้นไทยทรุดลงเรื่อย ๆ เป็นเวลา 4 เดือน และสิ่งที่เห็นคือ ทุกครั้งที่ดัชนีดีดตัวขึ้นทีไร มักมีแรงขายตามออกมาทุกที ซึ่งฉุดให้ดัชนีทำจุดต่ำสุดใหม่ให้เห็นเนือง ๆ นะจะบอกให้
ประเด็นตรงนี้แหละที่ทำให้อีฉันกังวลใจมากเหลือเกิน เพราะการดีดตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,283.97 จุด บวกไป 13.48 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.90 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางปัจจัยบวกหร็อมแหร็ม และหลายคนฝากความหวังไว้ที่เรื่องฟื้น LTF มันเป็นหนังเรื่องยาวที่ต้องติดตามดูกันไปเรื่อย ๆ แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือ ผลงานปี 67 ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังสักเท่าไหร่! จึงกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้การขึ้นในแต่ละรอบไปไม่ถึงไหนสักทีเจ้าค่ะ
ที่น่าสนใจคือมีการพูดติดตลกกันว่า จีดีพีไตรมาส 4 ปี 67 จะโตถึง 4% แต่ในไตรมาส 1 ปี 68 จะโต 3% และไตรมาส 2 จะโต 2% ขณะที่ไตรมาส 3 จะโต 1% ซึ่งเมื่อดูรวม ๆ สี่ไตรมาสจะโต 2.5% ก็เป็นประเด็นที่ทำให้ “โมนิก้า” ไม่สบายใจอย่างแรงเหมือนกับคนอื่น ๆ เพราะสิ่งที่นักลงทุนอยากเห็นมากสุดคือ เศรษฐกิจในประเทศควรฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ และผลงานของบริษัทจดทะเบียนก็ควรมีกำไรดีขึ้นเช่นกันนะจ๊ะ
คิดดูสิ!..วันก่อนอีฉันเพิ่งเมาท์ถึงหุ้น CCET หลังปรับตัวลงแรง เพราะนักเล่นกังวลเรื่องยอดขายกับกำไรไม่โต แต่ทันทีที่บริษัทออกมายืนยันยอดขาย ม.ค. 68 โต 18% แรงซื้อก็ไหลกลับเข้ามาเป็นจำนวนมาก จนหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 8.10 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 10.96% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.11 พันล้านบาท ถือเป็นการพลิกเกมที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะเหมือนเป็นการจุดประกายการเล่นรอบใหม่จ้า
คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น AMATA เด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 24.70 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 3.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 527 ล้านบาท ก็มีคำถามเกิดขึ้นในทันทีว่า ราคาหุ้นกำลังสะท้อนความเป็นจริงแล้วใช่ไหม? หากเป็นเช่นนั้นจริง ราคาหุ้นน่าจะไปต่อยาว ๆ เพราะเคยเห็นราคาหุ้นไต่เพดานขึ้นไปถึงระดับ 30 บาทกันมาแล้ว ผนวกกับวันนี้หุ้นเทรดบน PE 13 เท่า จึงเป็นแรงหนุนให้หุ้นไปต่อแบบชิล ๆ นะตัวเอง
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้น CPN เป็นรายถัดมาในทันที เพราะการยืนปิดที่ระดับ 53.25 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 3.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 406 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 13 เท่า น่าจะเป็นระดับที่มีความเสี่ยงต่ำพอสมควร และราคาหุ้นน่าจะสะท้อนความกังวลต่าง ๆ หมดแล้วกระมัง (ร่วงจาก 70 ลงมาที่ 50) อีฉันเลยมองว่า นี่อาจเป็นจังหวะของการเล่นสั้นอีกครั้งนะเจ้านาย
ถ้าสถานการณ์หลายอย่างดีขึ้นจริง ๆ เดี๊ยนคงต้องหันมามองที่หุ้น HMPRO อีกครั้ง เพราะการยืนปิดที่ระดับ 8.45 บาท บวกไป 0.35 บาท หรือขึ้นไป 4.32% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 178 ล้านบาท ท่ามกลางอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ระดับ 4% ถือเป็นจุดที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับการลงทุนที่หวัง 2 เด้ง แต่มีข้อแม้ว่า ผลงานของบริษัทต้องไม่แย่จนนักเล่นรับไม่ได้ เพราะวันนี้คนเล่นเขาเชื่อว่า ทุกอย่างกำลังดีขึ้นพะย่ะค่ะ
ส่วนรายที่เชื่อว่า “ดีแล้ว ดีขึ้น ดีต่อ” คงต้องมองไปที่หุ้น MEDEZE แบบไม่กระพริบตา เพราะสเต็มเซลล์คือธุรกิจการแพทย์ยุคใหม่ และเป็นที่มีความต้องการมากขึ้นเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 8.25 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 3.77% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 73 ล้านบาท เหมาะต่อการลงทุนทุกประการ แถมอีฉันไปที่ไหนก็มีแต่คนเม้าท์ถึงหุ้นตัวนี้ตลอดเวลา อีฉันเลยเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า หุ้นตัวนี้มาแน่ค่ะ
ในเมื่อเมาท์ถึงหุ้น “ทรงดี ทรงสวย” ย่อมมีชื่อของหุ้น PIS รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่เห็นก็คือ บริษัทนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีโซลูชันสำหรับธุรกิจยุคดิจิทัล และประเด็นดังกล่าวถูกย้ำหัวหมุดด้วยการเซ็นสัญญาใหม่ ๆ กับทางภาครัฐ และเอกชนเข้ามาต่อเนื่อง “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 6.35 บาท บวกไป 0.05 บาท หรือขึ้นไป 0.79% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 145 ล้านบาท ไม่สูงเกินไปเมื่อเทียบกับโอกาสทางธุรกิจที่ยังเปิดกว้างอยู่นะคะ
โมนิก้า: และทีมงาน