นายกฯ เปิดงาน FTI EXPO 2025 ลุย 4 เป้าหมาย “AI-นวัตกรรม-พลังงานสีเขียว-การค้าโลก”

นายกฯ “แพทองธาร” เปิดงาน FTI EXPO 2025 ตอกย้ำ 4 แนวทางสำคัญ “Go Digital & AI” - “Go Innovation” - “Go Green” - “Go Global” เดินหน้าวางรากฐานเศรษฐกิจยุคใหม่ มุ่งผลักดัน ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทย เติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นที่ยอมรับในเวทีสากล


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 ก.พ.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน FTI EXPO 2025 งานแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปี ภายใต้ธีม Empowering Thai Industry, Elevating Thailand’s Future เสริมพลังอุตสาหกรรมไทย เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน โดยมี นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) นำชมบูธต่าง ๆ ณ Hall 5 – 8 ชั้น LG ศูนย์ประชุมแห่งชาตสิริกิติ์

นางสาวแพทองธาร ยังกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “จุดประกายอุตสาหกรรมไทย สร้างเศรษฐกิจใหม่นำประเทศสู่ความยั่งยืน” ว่า ภาคอุตสาหกรรม เป็น 1 ใน 3 ของการผลักดันจีดีพี (GDP) ของประเทศ ภาคเอกชนคือผู้ลงทุนและลงแรงในการหาข้อมูล การผลิต การพัฒนาคน ในหลาย ๆ ด้าน เพื่อให้อุตสาหกรรมนี้แข็งแรงมากขึ้น แน่นอนว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมของไทยให้ไปต่อได้ไกลขึ้น เพื่อให้ทั่วโลกรับรู้ว่าหลังสถานการณ์โควิดผ่านไป ประเทศไทยไม่ได้หายไปไหน พร้อมเป็นแหล่งการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมและผลิตคนที่สามารถพัฒนาต่อยอดได้อีกมาก

จากนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา รัฐบาลจะวางนโยบายยุทธศาสตร์และพัฒนาภาคอุตสาหกรรมในหลาย ๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นมุ่งเร่งการเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรมในอนาคต พัฒนาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ หรือร่วมกันสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) เพื่อจะให้เอื้อต่อการพัฒนา รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ และพัฒนาคนไปพร้อม ๆ กัน ยกระดับฐานการผลิตให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น สร้างมูลค่าเพิ่มทั้งต่อสินค้าและบริการให้สินค้าไทยเป็นที่ยอมรับของทั่วโลก สร้างโอกาสและสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ Made in Thailand (MiT)

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ประเทศไทยมี SME มากถึง 75% เพราะฉะนั้นรัฐบาลต้องการที่จะมีนโยบายและมีหลักในการพัฒนา SME ให้มากที่สุด จะมีการปรับปรุงหรือยกเลิกกฎหมายบางอย่าง เพื่อที่จะเปิดช่องทางให้ SME และประเทศไทย เพิ่มช่องทางในการลงทุน นอกจากนี้จะมีการตั้งทีมขึ้นมาดูเรื่องกฎหมายที่นอกเหนือจากอำนาจของกระทรวง เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและเปิดโอกาสให้คนไทย

ทั้งนี้นางสาวแพทองธาร ได้กล่าวถึงเป้าหมายที่รัฐบาลสนับสนุน ดังต่อไปนี้  โดยเป้าหมายที่ 1 “GO Digital and AI” เรื่องดิจิทัลและเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยย้ำที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งของระบบโครงสร้างพื้นฐาน Data Center เพื่อดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก สนับสนุน SME และ สตาร์ทอัพไทย โดยขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างทำกฎหมายที่เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีทางด้าน AI มั่นใจว่าจะแล้วเสร็จในไม่ช้านี้

เป้าหมายที่ 2 “Go Innovation” เรื่องนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอนาคต ไม่ว่าจะเป็นเซมิคอนดักเตอร์นั้น เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2567 ได้ตั้งคณะกรรมการ (บอร์ด) เซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ โดยตนเป็นประธาน เพื่อผลักดันและเร่งการดำเนินการต่าง ๆ ตามกำหนดการเชิงยุทธศาสตร์ อย่างเร่งด่วน

เป้าหมายที่ 3 “Go Green” ด้านพลังงานสีเขียวเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ และเป็นทั้งตัวแปรสำคัญและความท้าทายของประเทศไทย ในการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า แม้ประเทศไทยจะก้าวหน้าในการพัฒนา AI เพียงใด เราก็ยังคงให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยเป็นที่ยอมรับและโดดเด่นในเวทีโลกมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีการจัดทำกลไก UGT เช่น สนับสนุนให้เกษตรกรปลูกข้าวแบบคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Rice)

เป้าหมายที่ 4 “Go Global” มุ่งขยายข้อตกลงทางการค้า โดยล่าสุดมีการลงนาม FTA ไทย-เอฟตา และคาดหวังให้มีการทำข้อตกลงเพิ่มเติมกับประเทศอื่น ๆ ใน สหภาพยุโรป (EU) ในอนาคต นอกจากนี้ รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการเจรจา FTA กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และภูฏาน เพื่อเปิดโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทยมากขึ้น พร้อมทั้งผลักดันความร่วมมือด้านการวิจัยระดับนานาชาติ โดยเน้นการลงทุนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างอุตสาหกรรมไทยให้แข็งแกร่งและมีรากฐานที่มั่นคง

“วันนี้เรามาถึงยุคที่ว่า เวลาหมุนไปเรื่อย ๆ เดินไปเรื่อย ๆ เราเองก็คงจะไม่สามารถรอได้ ประเทศไทยมีคนที่มีศักยภาพอีกเยอะ ซึ่งเราก็พร้อมที่จะสนับสนุนคนไทยเพื่อเพิ่มทักษะ (Skill) ของคนไทยเพื่อให้คุณค่า (Value) ของคนไทย มีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งดิฉันมั่นใจค่ะว่า เมื่อทั้งรัฐบาลและเอกชนทำงานร่วมกันอย่างนี้ เราจะสามารถพัฒนาทั้งคนและอุตสาหกรรม ให้เติบโตไปพร้อม ๆ กันอย่างเข้มแข็ง  และมากไปกว่านั้นเอง ดิฉันเชื่อว่าถ้าอุตสาหกรรมเข้มแข็งแบบนี้แล้ว ในอนาคตการเตรียมพร้อมสำหรับคน เด็กรุ่นใหม่ ๆ ที่จะขึ้นมาให้มีความรู้ความสามารถในเรื่องของอุตสาหกรรมให้เพิ่มมากขึ้นก็จะต้องเป็นสิ่งที่ทำได้อย่างแน่นอน” นายกรัฐมนตรี กล่าว

Back to top button