![](https://media.kaohoon.com/wp-content/uploads/2025/02/2025-02-13_news-DBS.jpg)
บล.ดีบีเอส มอง SET สิ้นปี 68 แตะ 1,500 จุด แนะเก็บ “แบงก์-ค้าปลีก-นิคม” เด่น!
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ประเมินดัชนี SET สิ้นปี 68 มีโอกาสแตะระดับ 1,500 จุด มองบวกต่อกลุ่ม แบงก์-นิคม-ค้าปลีก รับนโยบาย CHINA PLUS ONE-รัฐกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นลงทุนทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
นายเวย์ ฟุก โหว (Mr. Wey Fook Hou) Chief Investment Office, บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปี 2568 คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสอยู่ที่ระดับ 1,500 จุด โดยมองว่าอัตราการเติบโตของกำไรตลาด (EPS Growth) อยู่ที่ประมาณ 6% อาจจะไม่ได้สูงเกินไป แม้จะโดนกดดันจากฟันด์โฟลว์ต่างชาติจากความต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐและภูมิภาคเอเชีย
ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจไทย GDP คาดว่าจะได้รับปัจจัยจากการท่องเที่ยวที่ยังค่อนข้างมั่นใจอย่างมาก โดยปัจจุบันกลับมาอยู่ในระดับก่อนโควิด (Pre-Covid) แล้ว ซึ่งในส่วนของนักท่องเที่ยวจีนยังกลับมาไม่เต็มที่ แต่อีก 2-3 ปีข้างหน้า การท่องเที่ยวจะยังเป็นปัจจัยบวกที่หนุนเศรษฐกิจไทยต่อไป
ทั้งนี้มีมุมมองบวกต่อกลุ่มอุตสาหกรรมที่ชอบ คือ กลุ่มธนาคาร (พาณิชย์) คาดการณ์จะได้รับผลตอบแทนที่ดี และเติบโตแข็งแกร่ง ส่วนกลุ่มนิคม ได้ประโยชน์จากกระแส China Plus One ที่บริษัทต่างชาติย้ายฐานการผลิตออกจากจีน อีกทั้งกลุ่มค้าปลีก ได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ
สำหรับในเชิงของตลาดหุ้นสหรัฐ ยังคงโดดเด่นต่อเนื่อง คาดการณ์ผลตอบแทนในตลาดสหรัฐฯ จะสูงกว่าตลาดยุโรป เนื่องจากการลดภาษีที่กำลังจะเกิดขึ้น รวมถึงการสนับสนุนจากนโยบายการคลัง และการเงิน ในขณะที่การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ตลาดหุ้นยุโรปมีแนวโน้มที่จะเติบโตลดลงจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ยังคงมองว่ายังสามารถเติบโตต่อได้ มีมุมมองบวกต่อหุ้นกลุ่ม AI หรือ กลุ่มเทคโนโลยี ยังคงมี EPS Growth ที่น่าสนใจ และกลุ่ม Financial ยังได้รับอานิสงส์ดอกเบี้ยที่อยู่ในอัตราที่สูง
โดยจากนโยบายการขยายตัวภายใต้การบริหารงานของทรัมป์ ทาง DBS แนะนำให้ปรับสถานะการลงทุนในหุ้นทั่วโลกจาก “Underweight” เป็น “Neutral”
อย่างไรก็ตาม เรายังคงให้คงน้ำหนักในหุ้นสหรัฐฯในระดับ “Overweight” เนื่องจากนโยบายการลดภาษีจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรของบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ทั้งนี้ DBS ยังคงมีความเชื่อมั่นบริษัทเหล่านี้ เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว และมีค่าเบต้าสูงถึง 1.4 เท่าของตลาดหุ้นโลกในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนสามารถได้รับผลตอบแทนที่ดีจากนโยบายการลดภาษี และการผ่อนคลายกฎระเบียบ
ในส่วนของการลงทุนหุ้นยุโรปทาง DBS ให้น้ำหนักการลงทุนในระดับ “Underweight” เนื่องจากคาดว่าหุ้นยุโรปจะให้ผลตอบแทนที่ด้อยกว่าหุ้นสหรัฐฯ จากการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้ผู้ส่งออกจีนต้องเปลี่ยนเส้นทางการค้าของตนไปยังตลาดที่ไม่ใช่สหรัฐฯยังผลให้การแข่งขันในตลาดการค้านอกสหรัฐฯจะรุนแรงขึ้น
อย่างไรก็ดี DBS ยังคงให้น้ำหนักการลงทุน “Overweight” ในทองคำ เนื่องจากสินทรัพย์ปลอดภัยมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น หลังมีความตึงเครียดทางการค้ารวมถึงความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนทางการคลังของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีทรัมป์
การลงทุนในธุรกิจกีฬามีการเติบโตอย่างรวดเร็วในการถ่ายทอดสดกีฬาประเภทต่างๆกระจายไปถึงความตื่นตัวที่เพิ่มขึ้นสำหรับกีฬาผู้หญิงและเยาวชน รวมถึงการแข่งขันอีสปอร์ต ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มนี้ ได้แก่: (1) ธุรกิจการวิเคราะห์ทางด้านกีฬา, (2) ธุรกิจการสตรีมมิ่ง, (3) ธุรกิจการขายตั๋ว, และ (4) ธุรกิจเกมกีฬา
ทั้งนี้ DBS เชื่อว่าการใช้กลยุทธ์การจัดสรรพอร์ตแบบ “บาร์เบล” (Barbell Strategy) จะเป็นแนวทางที่เหมาะสมในการสร้างพอร์ตการลงทุน ซึ่งจะช่วยกระจายการลงทุนในสองส่วนได้แก่ (1) การลงทุนในภาคส่วนที่มีความผันผวนสูง (High Beta Sectors) เพื่อเกาะกระแสนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ และ (2) การลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง (Defensive Assets) เพื่อลดความเสี่ยง และปกป้องพอร์ตจากผลกระทบทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นจากนโยบายของทรัมป์
นายเอ็ดวิน ตัน (Mr. Edwin Tan) Market Head DBS, Thailand & Philippines, DBS Bank คาดการณ์ถึงการเติบโตของเศรษฐกิจในระดับปานกลางแต่มีเสถียรภาพในหลายภูมิภาคทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงเผชิญกับปัจจัยพลิกเกมที่อาจกำหนดทิศทางในช่วงเดือนข้างหน้า ด้านหนึ่ง การกลับมาดำรงตำแหน่งของโดนัลด์ ทรัมป์ อาจส่งสัญญาณถึงสงครามการค้าระดับโลกที่ขับเคลื่อนด้วยมาตรการทางภาษี
หากยิ่งซ้ำเติมความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ดำเนินอยู่ ในอีกด้านหนึ่ง แนวโน้มการลดภาษีและการผ่อนคลายกฎระเบียบในอุตสาหกรรมสำคัญต่างๆ ประกอบกับวัฏจักรการลดอัตราดอกเบี้ยที่ยังคงดำเนินต่อไป อาจเป็นปัจจัยเสริมให้ตลาดและเศรษฐกิจเติบโตได้ ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นว่า “เกมเปลี่ยน (Game Changers)” เป็นธีมที่เหมาะสมสำหรับการแถลงแนวโน้มตลาดครั้งแรกของปีนี้
นอกจากนี้ แนวโน้มตลาดทองคำที่เราคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นปียังเป็นไปตามที่คาด โดยทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดในช่วงปีที่ผ่านมา