![](https://media.kaohoon.com/wp-content/uploads/2025/02/MEDEZE_2025-02-14_news.jpg)
MEDEZE นำเทรนด์ “ฝากเซลล์รากผม” ปักธงรายได้ปีนี้ทะลุ 1.3 พันลบ.
MEDEZE ปฏิวัติวงการดูแลเส้นผม เปิดตัวบริการ “air Renaissance” ธนาคารเซลล์รากผมแห่งแรกในเอเชีย หนุนรับรู้รายธุรกิจสเต็มเซลล์ปีนี้ เติบโต 25-30% แตะ 1.3 พันล้านบาท
นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัว “MEDEZE Hair Renaissance” ธนาคารแช่แข็งเซลล์รากผมแห่งแรกในเอเชีย ภายใต้แนวคิด THE INNOVATION OF CONFIDENCE นวัตกรรมแห่งความมั่นใจ เติมเต็มทุกความเป็นไปได้เรื่อง “ผม” ที่ให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์รากผม ด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุด ช่วยเก็บเซลล์รากผมในช่วงที่แข็งแรง และสมบูรณ์ที่สุด เหนือกว่าด้วยกระบวนการเฉพาะบุคคล ที่คัดแยก เพาะเลี้ยงเพิ่มจำนวน
รวมทั้งจัดเก็บแช่แข็งเซลล์ได้อย่างปลอดภัย สามารถรองรับการเก็บเซลล์ในบุคคลทุกช่วงวัย สามารถเก็บเซลล์ไว้ใช้ในอนาคตได้ เหมาะสำหรับผู้ที่กังวลเรื่องผมร่วง ผมบาง หรือสุขภาพเส้นผมที่เปลี่ยนไป โดยบริษัทตั้งเป้าให้บริการลูกค้า 500 เคส ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็น 5,000 เคส ภายในปี 2573
โดยบริษัทเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการแช่แข็งเซลล์รากผม ซึ่งเทคโนโลยีแแช่แข็งเซลล์รากผมถูกคิดค้นขึ้นมาด้วยมาตรฐานระดับสากล รองรับนวัตกรรมทางการแพทย์ในอนาคต ด้วยเทคโนโลยี Cryopreservation ที่สามารถออกแบบเฉพาะบุคคลสำหรับเซลล์รากผม เป็นกระบวนการแช่แข็ง และเก็บรักษาเซลล์รากผมในอุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส ปราศจากการปนเปื้อน ด้วยระบบความปลอดภัยระดับสูงและการตรวจสอบคุณภาพอย่างเคร่งครัด ซึ่งจะใช้ผมเพียง 50 เส้น สามารถเพิ่มจำนวนเซลล์ได้มากถึง 50 ล้านเซลล์ เพื่อรักษาคุณภาพ และความสามารถในการเจริญเติบโตของเซลล์เมื่อถูกนำมาใช้ในอนาคต
อีกทั้ง ทุกกระบวนการจะดำเนินการในห้องปฏิบัติการ CLEANROOM CLASS 100 ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสูงสำหรับความสะอาด และปลอดเชื้อ ที่ได้รับมาตรฐานระดับสากลที่ได้รับการรับรองโดย National Environmental Balancing Bureau หรือ NEBB จากประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงมีการตรวจสอบสถานะเซลล์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าเซลล์จะได้รับการรักษาอย่างดีที่สุด โดยให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัว ของลูกค้าอย่างเคร่งครัด สามารถจัดเก็บเซลล์รากผมให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้นานถึง 60 ปี
ขณะที่ บริษัทกำหนดอัตราค่าบริการจัดเก็บเซลล์รากผมอยู่ที่ 300,000 บาทต่อเคส โดยกระบวนการจัดเก็บใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง และตั้งเป้าหมายสร้างรายได้จากบริการดังกล่าวประมาณ 100 ล้านบาท จากจำนวน 500 เคสภายในปี 2568 สำหรับแผนการเติบโตในปีนี้ บริษัทคาดการณ์ว่ารายได้เติบโตราว 25-30% หรือ ประมาณ 1,346 ล้านบาท จาก บล.หยวนต้า คาดการณ์รายได้ปี 68 อยู่ที่ 1,114 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทดำเนินธุรกิจหลัก 3 ด้าน ได้แก่ 1.) บริการเกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิด 2.) การตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน และ 3.) การดูแลเซลล์รากผม โดยธุรกิจล่าสุดที่บริษัทให้บริการ คือ การดูแลเซลล์รากผม ซึ่งมุ่งเน้นการดำเนินงานในรูปแบบ B2B (Business-to-Business) ปัจจุบันบริษัทมีพันธมิตรทางธุรกิจ เช่น คลินิกกว่า 15 แห่ง และคาดว่าจำนวนพันธมิตรจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต
นอกจากนี้ ในปี 2568 บริษัทมีแผนนำองค์ความรู้เกี่ยวกับการปลูกเซลล์รากผม เข้าสู่งานประชุมระดับนานาชาติ ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่รวมบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้โดยเฉพาะ สำหรับแผนการขยายธุรกิจไปสู่ตลาดต่างประเทศ บริษัทได้ดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายตลาดไปยัง 3 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา โอมาน และฟิลิปปินส์ โดยผลิตภัณฑ์หลักที่จะนำไปให้บริการในต่างประเทศคือ สเต็มเซลล์แบงกิ้ง (Stem Cell Banking) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการหลักของบริษัท
“นวัตกรรมเซลล์รากผมมีประสิทธิภาพสูง ที่จะมาตอบโจทย์ความต้องการของผู้ที่ประสบปัญหาเรื่องเส้นผม และนวัตกรรมนี้จะสามารถทำให้ลูกค้ามั่นใจ เพราะเราเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีแแช่แข็งเซลล์รากผมแห่งแรกในเอเชีย มีนวัตกรรมล้ำสมัยที่ออกแบบโดยเฉพาะ ถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัย การันตีด้วยมาตรฐานสากลระดับโลก” นายแพทย์วีรพลกล่าว