
CGSI มอง SET ไซด์เวย์ จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ แนะลงทุน ERW–SPRC
บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ประเมิน SET Index แกว่งตัวในกรอบ 1,250-1,275 จุด นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่เฟดจะนำไปพิจารณาเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แนะลงทุน ERW– SPRC
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (20 ก.พ.68) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวก โดยดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮต่อเนื่อง แม้รายงานของ FOMC ชี้ว่า Fed จะตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวัง จากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อสหรัฐที่ยังคงอยู่ในระดับสูงกว่าเป้าหมายของ Fed ที่ 2% รวมถึงผลกระทบจากนโยบายของปธน. ทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการทางการค้าที่ล่าสุดมีการประกาศเตรียมเก็บภาษีศุลกากรรถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยา 25% ซึ่งอาจจะเริ่มใช้ในวันที่ 2 เม.ย. นี้ ฉุดให้ดัชนี DJIA ร่วงลงในช่วงแรกของตลาดเปิด ดอลลาร์แข็งค่ากดดันให้ราคาทองคำปิดลบ 0.4% รวมถึงเป็น Sentiment ลบ ต่อตลาดหุ้นภูมิภาค (ดัชนี STOXX600 ลบ 5.1 จุด, FTSE100 ลบ 54.2 จุด)
โดยตลาดหุ้นสหรัฐยังมีแรงสนับสนุนจากหุ้นกลุ่มเทคฯ ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น นำโดย Microsoft ขานรับบริษัทเปิดตัวชิปควอนตัมคอมพิวเตอร์ตัวแรก, Tesla และหุ้น Analog Devices ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
ทั้งนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐ ที่ Fed จะนำไปพิจารณาเพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยวันนี้ติดตามจำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ และ ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ. จาก Fed รัฐฟิลาเดลเฟีย
ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก เพิ่มขึ้น 0.6% ขานรับแนวโน้มอุปทานน้ำมันลดลงหลัง 1) สถานีปั๊มท่อส่งน้ำมันทางตอนใต้รัสเซียถูกโจมตี 2) สภาพอากาศหนาวในสหรัฐ 3) ตลาดคาดว่ากลุ่ม OPEC+ อาจเลื่อนแผนเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือนเม.ย. และ 4) EU มีมติเห็นชอบมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียชุดที่ 16 ซึ่งรวมถึงการขึ้นบัญชีรายชื่อ Shadow fleet กองเรือบรรทุกน้ำมันและก๊าซที่ช่วยให้รัสเซียได้กำไรจากการขายเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้คาดว่า SET Index จะเคลื่อนไหว Sideway บริเวณ 1,250-1,275 จุด โดยมองว่าตลาดยังมี Sentiment บวกจากการมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นไทยระยะสั้นผ่านการจัดตั้งกองทุน Thai ESG กองที่ 2 ที่คาดว่าจะมีความชัดเจนภายใน 1Q25 เพื่อชะลอการเทขาย LTF ที่ ณ 14 ก.พ. 2025 มีมูลค่า NAV 178,340 ล้านบาท และ ThaiESG มีมูลค่า NAV 32,196 ล้านบาท โดยจากการคำณวณของเรา SET Index ปรับตัวลดลง 10.2% ขณะที่ เม็ดเงินไหลออกจากกอง LTF ราว 2.6 หมื่นล้านบาท จากต้นปีถึงปัจจุบัน
มากไปกว่านั้น เมื่อวานนี้ (19 ก.พ.) ตลท. มีมติเห็นชอบปรับกฎเกณฑ์ชอร์ตและจำกัด HFT ให้เป็นหลักทรัพย์เฉพาะในกลุ่ม SET100 เท่านั้น พร้อมเสนอยกเลิกมาตรการ Uptick ทุกหลักทรัพย์ ใช้เฉพาะหุ้นที่ราคาลดลงถึงระดับที่กำหนด และ ยกเลิก Minimum Resting Time
สำหรับหุ้นแนะนำ
บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW จะมีกำไรจากการดำเนินงานปกติแข็งแกร่งที่ 358 ล้านบาท เพิ่มขึ้น54% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 188% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ในไตรมาส 4/67 ซึ่งน่าจะช่วยให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้งคาดว่า ERW จะได้ประโยชน์จากแนวโน้มเชิงบวกของ ADR ในปี 2568 (Take profit ที่ 3.44 บาท ส่วนจุด Stop loss ที่ 3.22 บาท )
บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 162 ล้านบาท พลิกกลับมาจากการขาดทุนสุทธิ 2.2 พันล้านบาท ในไตรมาส 3/67 เนื่องจาก GRM ของตลาดแข็งแกร่งขึ้นและขาดทุนจากสต๊อกที่ลดลง
นอกจากนี้ บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลงวดสุดท้าย 0.15 บาทต่อหุ้น โดยอัตราการจ่ายเงินปันผลทั้งปีอยู่ในระดับสูงที่ 78% (vs. ประมาณการของเราที่ 50%) (Take profit ที่ 5.70 บาท ส่วนจุด Stop loss ที่ 5.05 บาท)