
LANNA รายได้ขายถ่านหินลด-ค่าใช้จ่ายเพิ่ม กดกำไรปี 67 เหลือ 1.6 พันล้านบาท
LANNA รายงานกำไรปี 67 ปรับตัวลดลง 20% เหลือ 1.6 พันล้านบาท หลังรายได้ขายกลุ่มธุรกิจถ่านหิน เอทานอลและสารปรับปรุงดินลดลง พ่วงค่าใช้จ่ายบริหารเพิ่ม
บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA รายงานผลการดำเนินงานงวดปี 67 สิ้นสุด 31 ธ.ค.67 กำไรสุทธิลดลง ดังนี้
โดยบริษัทรายงานกำไรปี 67 อยู่ที่ 1,664.18 ล้านบาท ลดลง 20.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 2,088.11 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุมาจากบริษัทมีกำไรสุทธิจากธุรกิจถ่านหิน อยู่ที่ 1,593.94 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 354.94 ล้านบาท คิดเป็นการลดลง 18.21% เนื่องจากราคาขายถ่านหินโดยเฉลี่ยลดลง 10.69%
ส่วนกำไรสุทธิจากธุรกิจเอทานอลและสารปรับปรุงดิน อยู่ที่ 11.46 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3.98 ล้านบาท คิดเป็นการลดลง 25.78% เนื่องจากปริมาณขายเอทานอลลดลง 15.49% รวมถึงมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมอยู่ที่ 58.78 ล้านบาทลดลง จากปีก่อน 65.01 ล้านบาท หรือคิดเป็นการลดลง 52.52%
ขณะที่ บริษัทฯและบริษัทย่อยมีราย อยู่ที่ 20,957.66 ล้านบาทลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 2,020.59 ล้านบาท ลดลง 8.79% โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากธุรกิจถ่านหิน คิดเป็น 88.37%, ธุรกิจเอทานอล 10.79% และรายได้อื่นๆ 0.84%
นอกจากนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 61.30 ล้านบาท คิดเป็น 38.66% เนื่องจากมีค่าเสียหายจากมันเส้นที่เกิดการลุกไหม้ 74.33 ล้านบาท โดยบริษัทย่อยได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทรับประกันภัยและได้บันทึกเป็นรายได้อื่นในปี 2567
ส่วนแนวโน้มในอนาคต อาทิ ธุรกิจถ่านหิน คาดว่าราคาถ่านหินในไตรมาสที่ 1/68 มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเล็กน้อยเนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกและมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจีนยังไม่ส่งผลที่ชัดเจน อีกทั้ง นโยบายและมาตรการต่างๆของประเทศสหรัฐอเมริกาหลังจากที่ได้ประธานาธิบดีคนใหม่ที่อาจส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชีย
รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจีน ประกอบกับหลายประเทศพยายามใช้พลังงานทดแทนและลดการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้าทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน โดยแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ (POWER DEVELOPMENT PLAN : PDP) จะเน้นการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนโดยเฉพาะพลังงานจากแสงอาทิตย์พลังงานลม ชีวมวล และขยะชุมชนโดยจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นทุกปีคาดว่าภายในปี 80 จะสามารถทดแทนได้มากกว่า 51%
ทั้งนี้ บริษัทฯ และบริษัทย่อยให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ENVIRONMENTAL, SOCIAL, GOVERNANCE หรือ “ESG”) โดยกำหนดเป้าหมายในการพัฒนาความยั่งยืนด้านพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นพลังงานที่สะอาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและก๊าซเรือนกระจกและเพื่อให้บริษัทฯ และบริษัทย่อยสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว คาดว่าผลการดำเนินงานด้านธุรกิจถ่านหินในปี 68 จะสามารถทำกำไรได้ดีอย่างต่อเนื่องและมีผลประกอบการที่ดีเป็นที่น่าพอใจ