พาราสาวะถี อรชุน
คงไม่ต้องถอดรหัสความคิดว่าเป็นเช่นใดกับข้อเสนอของ หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล กับข้อเสนอจัดการกับพระที่มาชุมนุมที่พุทธมณฑลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการจัดทหารหญิง ตำรวจหญิง ผู้กล้ายืนบังตั้งแถวเป็นแถวหน้ากระดาน และขอความร่วมมือ หรือจัดจ้าง พวกคุณหมอนวด ทั้งแผนไทย และแผนสมัยใหม่ หญิงงามเมือง โคโยตี้ แม่ค้าปากคลองตลาด มาเสริมกำลัง เป็นแนวกันให้ทหารชายอยู่ด้านหลังคอยจับ
คงไม่ต้องถอดรหัสความคิดว่าเป็นเช่นใดกับข้อเสนอของ หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล กับข้อเสนอจัดการกับพระที่มาชุมนุมที่พุทธมณฑลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ด้วยการจัดทหารหญิง ตำรวจหญิง ผู้กล้ายืนบังตั้งแถวเป็นแถวหน้ากระดาน และขอความร่วมมือ หรือจัดจ้าง พวกคุณหมอนวด ทั้งแผนไทย และแผนสมัยใหม่ หญิงงามเมือง โคโยตี้ แม่ค้าปากคลองตลาด มาเสริมกำลัง เป็นแนวกันให้ทหารชายอยู่ด้านหลังคอยจับ
ถ้าเป็นพระจริงก็จับสึกได้ ส่วนถ้าเป็นพระปลอมก็คุมตัวขังคุก เพราะพระจริงๆจะถูกตัวสีกาไม่ได้ รวมทั้งหลังเที่ยงหา แม่ค้า พ่อค้า ไก่ย่างส้มตำ หมูย่าง ไส้กรอกอีสานเอามาย่างกันสัก 50 เจ้า ตั้งไฟปิ้งๆย่างๆ ให้อยู่เหนือลม ให้กลิ่นไก่ย่าง หมูย่างโชยตลบเข้าจมูกพระคุณเจ้าทั้งหลายที่มาชุมนุม ถ้าพระแม้กระทั่งแม่ชี ออกไปซื้อหลังเที่ยงก็ให้ทหารจับไปสึกได้อีกทั้งพระจริง พระปลอม เพราะผิดศีลอุโบสถ
ความคิดเช่นนี้คงไม่ต่างอะไรไปจากข้อเสนอของ ทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ เมื่อคราวได้รับตำแหน่งส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักไทยขณะนั้นหมาดๆ รีบออกมาแสดงความเห็น ไม่เห็นด้วยที่จะใช้ความรุนแรงสยบความรุนแรงต่อการที่สหรัฐอเมริกาทำสงครามกับอัฟกานิสถาน โดยเสนอให้ใช้แค่ระเบิดน้ำมันหมูหรือเครื่องบินพ่นน้ำมันหมูก็พอ
หลังบทสัมภาษณ์นั้นเจ้าตัวเจอกระแสกดดันรอบด้านจนต้องลาออกจากความเป็นส.ส.ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งแค่ไม่กี่อึดใจ จากวันนั้นจนถึงวันนี้เจ้าตัวต้องหายหน้าหายไปจากสารบบการเมืองไทยและแวดวงสังคมไปโดยปริยาย เสียยี่ห้อ“ต้นตำรับนักพูดเมืองไทย”ไปฉิบและสะท้อนภาพภาษิตโบราณปลาหมอตายเพราะปากได้เป็นอย่างดี
แต่กรณีข้อเสนอให้กระทำต่อพระนั้น โดยฐานานุรูปแล้วคงไม่มีใครกล้าไปแตะต้อง แต่โดยสำนึกในฐานะพุทธศาสนิกชนแล้ว ความเห็นเช่นนี้ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเกิดจากมันสมองของคนระดับนี้ ในทางตรงข้าม ก็มีข้อคำถามว่า แล้วทำไมจึงไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความเคลื่อนไหวของพุทธะอิสระเลยหรือ ต่อกิจวัตรที่ทำมาในช่วงสองปีมานี้ซึ่งไม่ใช่กิจของสงฆ์
ภาพของการไปยืนนับเงินที่โรงแรมแห่งหนึ่งหลังจากไปกรรโชกทรัพย์เขาเสร็จสรรพ ถามว่านั่นเหมาะสมกับสมณเพศแล้วหรือ มิหนำซ้ำ ล่าสุด ยังมีหน้าไปแจ้งความดำเนินคดีกับพระที่มาชุมนุมอีก ประสาโล้นหัวหมอ กล่าวหาบุกรุกพุทธมณฑลและทำผิดพระราชบัญญัติการชุมนุม รู้กลไกข้อกฎหมายทุกขั้นทุกตอน
ถือเป็นเรื่องดีที่คนจะได้รู้กันชัดๆว่าเหตุที่พุทธะอิสระเคลื่อนไหวไปได้ทุกที่มีตำรวจ ทหารคอยอำนวยความสะดวกนั้น เพียงเพราะแค่ขอจัดการชุมนุมเท่านั้นเอง แม้กระทั่งบริเวณหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเป็นศิษย์และอาจารย์ของผู้มีอำนาจที่เคยขู่จะตัดขาดกันมาก่อนหน้านี้ ต่อไปถ้ามีใครไปยื่นหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมจากฝ่ายความมั่นคง
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด สิ่งที่น่าจับตามองก็คือ การเคลื่อนตัวของคณะสงฆ์พร้อมพุทธบริษัทเรือนหมื่นนั้น ย่อมไม่ธรรมดา ฝ่ายรัฐจะมองว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไรคงต้องหาคำมาอธิบายให้คนส่วนใหญ่เชื่อตามนั้น จุดใหญ่ใจความที่ทำให้คณะสงฆ์ไม่สบายใจจนถึงขั้นไม่พอใจ คงเป็นกรณีความล่าช้าในการตั้งพระสังฆราชองค์ใหม่
เพราะหากยึดตามตัวบทกฎหมายแล้วมันไม่มีทางที่ผู้มีอำนาจจะพลิกพลิ้วเป็นอย่างอื่น เมื่อมีมติของมหาเถรสมาคมมาแล้วต้องดำเนินการตาม จะอ้างเหตุความขัดแย้งหรือข้อท้วงติงใดๆคงไม่น่าจะมีน้ำหนักมากพอ ยิ่งเป็นความขัดแย้งที่เกิดมาจากก๊วนแก๊งใกล้ชิดผู้มีอำนาจด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่ เป็นกลายเป็นการวางแผนเพื่อดึงเรื่องการแต่งตั้งชัดๆ
เอาแค่ตัวคนที่เคลื่อนไหวก่อน พุทธะอิสระไม่ต้องบอกแค่เห็นภาพที่ 3 พี่น้องบูรพาพยัคฆ์ไปหมอบราบกราบกรานให้พระอาจารย์ลงนะหน้าทองมันก็อธิบายอะไรได้อยู่แล้ว ส่วน ไพศาล พืชมงคล นั้นโดยตำแหน่งก็ชัดเจนว่าเป็นกรรมการผู้ช่วยประจำรองนายกรัฐมนตรีของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เช่นนี้จะไม่เกรงใจเลยหรือ
ส่วน ไพบูลย์ นิติตะวัน ก็ชัดเจนมาตั้งแต่การทำหน้าที่เป็นสมาชิกสภาปฏิบัติแห่งชาติแล้ว สรุปแบบรวบยอดก็เห็นภาพว่า จังหวะก้าวของทั้งสามคนนั้นไม่ได้ดำเนินไปแบบต่างคนต่างเดิน แต่เดินไปพร้อมๆกันอย่างมีเป้าหมาย ส่วนจะขยายความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในหมู่สงฆ์สองนิกายได้หรือไม่นั้น น่าจะเป็นเครื่องหมายคำถามตัวโต
จะใช้บรรทัดฐานจากการสร้างความขัดแย้งในหมู่ประชาชน ไปเทียบเคียงกับการยุแยงในหมู่สงฆ์คงลำบาก เพราะจากมติ มส.ที่เสนอชื่อ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นพระสังฆราชองค์ใหม่นั้น ก็เป็นการเสนอโดย สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหารซึ่งเป็นฝ่ายธรรมยุตินิกาย เสนอชื่อพระสมเด็จจากฝั่งมหานิกาย
นั่นหมายความว่า ในหมู่สงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหาได้มีความขัดแย้งกันไม่ จะมีแต่ก็พวกนุ่งเหลืองห่มเหลืองที่อ้างตัวว่าเป็นพระ คอยเคลื่อนไหวทางการเมืองนี่แหละที่ทำตัวเป็นบ่างผสมโรงกับพวกไม่กลัวนรกกินกบาลบางรายไปเคลื่อนไหว ความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อวัดพระธรรมกายจะนำไปเชื่อมโยงและเอาผิดกับเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญไม่ได้
เช่นเดียวกันกับงานด้านการข่าวของฝ่ายความมั่นคงที่พอมีข่าวว่าจะมีม็อบพระมาชุมนุมก็รีบส่งกองกำลังไปปิดกั้นที่วัดพระธรรมกายทันที เช่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นการประเมินจากงานการข่าวหรือความรู้สึกกันแน่ หากจะแก้ปัญหาฟังจากบทสัมภาษณ์ของบิ๊กป้อมเมื่อวันวาน มองไม่เห็นหนทางว่ามันจะยุติอย่างไร โดยมองเหตุของการไม่แต่งตั้งพระสังฆราชองค์ใหม่เนื่องจากยังมีความขัดแย้ง ทั้งๆที่รู้ว่าความขัดแย้งที่ว่านั้นเกิดขึ้นโดยใครและเป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่หรือไม่
วันนี้แม้ผู้นำของพระที่มาชุมนุมยังพุทธมณฑลจะยืนยันว่าไม่กดดันใดๆกับรัฐบาลหลังได้ยื่นข้อเสนอไปแล้ว แต่ก็ไม่มีใครรับประกันได้ว่า ถ้ารัฐบาลไม่พยายามกระทำการใดๆเพื่อให้เกิดความสงบสุขในแวดวงของสงฆ์ มีคนมองข้ามช็อตต่อไปว่าเหตุการณ์ที่พุทธมณฑลอาจจะเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น และไม่มีใครกล้านึกต่อไปว่าถ้าเป็นของจริงภาพมันจะออกมาอย่างไร