
วิปวุฒิถกด่วน! จ่อโต้กลับ “ฝ่ายบริหาร” หลังแทรกแซงการทำหน้าที่ “นิติบัญญัติ”
คณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา นัดประชุมด่วน ถกปมดีเอสไอสอบคดี “ฮั้วเลือกตั้ง ส.ว.67” พร้อมย้ำว่าเป็นการแทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติของฝ่ายบริหารอย่างชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเช้าวันนี้ (24 ก.พ. 68) ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) นำโดย นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา และพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 พร้อม สว. ผู้ดำรงตำแหน่ง ประธานกมธ.สามัญ ประจำวุฒิสภา จำนวน 21 คณะ ซึ่งเป็นประชุมหารือภายในแบบลับ นานกว่า 1 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม นายมงคล ได้เปิดแถลงข่าวโดยระบุว่า ประการที่ 1 แต่เดิมก่อนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 การจัดการเลือกตั้ง สส. เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของประเทศ เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารคือ กระทรวงมหาดไทย ที่ทำหน้าที่ในการจัดการเลือกตั้ง แต่มีการเอื้อกันและไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม จึงแก้ไขให้จัดตั้งองค์กรอิสระขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและถ่วงดุลฝ่ายบริหาร รวมทั้งการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน และบัญญัติสืบต่อมาจนกระทั่งถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
“รัฐธรรมนูญทุกฉบับบัญญัติให้การจัดการเลือกตั้ง สส. และการได้มาซึ่ง สว. เป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระ คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จึงแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า รัฐธรรมนูญมีเจตนารมณ์ หรือความมุ่งหมายไม่ให้ถูกแทรกแซงโดยฝ่ายบริหาร หรือคณะรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีคนใด รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กับกรมสอบสวนคดีพิเศษและคณะกรรมการคดีพิเศษ” ประธานวุฒิสภา
ประการที่ 2 เมื่อการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต. แล้ว การที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ (DSI) รับคำร้อง และเตรียมเสนอให้ กคพ. มีมติให้คดีเกี่ยวกับการตรวจสอบการเลือก สว. เป็นคดีพิเศษ โดยที่ กกต. ยังไม่ได้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวหรือมอบหมายให้ DSI ดำเนินการ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่และอำนาจของ DSI
อีกทั้งการตั้งข้อหาอั้งยี่ และความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 209 และ 116 กับสมาชิกวุฒิสภา ต้องถือว่า เป็นการตั้งข้อหาและเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการก่อการร้าย หรือการกระทำที่กระทบต่อความมั่นคงของรัฐ รวมถึงเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายอันเป็นองค์ประกอบความผิดฐานต่าง ๆ ดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะ สว. ที่ถูกกล่าวหาได้สมัครเข้ารับการเลือก และผ่านกระบวนการเลือกมาอย่างถูกต้อง จนกระทั่งได้รับการรับรองจาก กกต. เข้ามาปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ
นายมงคล กล่าวอีกว่า การตั้งข้อกล่าวหาดังกล่าว จึงเป็นความพยายามที่จะเชื่อมโยงให้เป็นไปตามข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นความจริง และเป็นการใช้อำนาจฝ่ายบริหารเป็นเครื่องมือ โดยส่อเจตนาที่จะทำลายองค์กรวุฒิสภา ด้วยการเผยแพร่ข่าวและเอกสารลับต่าง ๆ อันทำให้วุฒิสภาและสมาชิกวุฒิสภาถูกดูหมิ่นและเกลียดชัง เพื่อล้มล้างฝ่ายนิติบัญญัติ
“เราไม่กลัวการตรวจสอบ เราพร้อมและให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกับองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่คือ กกต. มาโดยตลอด ขอเอกสารก็ส่งให้ เรียกบุคคลไปให้ถ้อยคำก็ไป ทุกคนพร้อมที่จะทำให้กับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ แต่ผู้ที่ไม่มีอำนาจหน้าที่พยายามเข้ามาแทรกแซงหรือตรวจสอบเรา ดังนั้นที่ประชุมในวันนี้ได้มีมติร่วมกันว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป” ประธานวุฒิสภา กล่าว
ส่วนการรับเรื่องนี้เป็นคดีพิเศษจะมองว่าเป็นการล้ม สว. ชุดนี้หรือไม่นั้น นายมงคล กล่าวว่า เราไม่อาจทราบเจตนารมณ์ของใครได้ แต่พฤติการณ์ต่าง ๆ ที่ออกมาทั้งการประโคมข่าว รวมถึงการเผยแพร่เอกสารลับ ก็ขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ไม่มีความคิดจะนำข้อมูลไปให้ สส. ฝ่ายค้าน เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจ
นายมงคล ยังยืนยันด้วยว่า เราไม่ได้กลัวการตรวจสอบ เราพร้อมให้ความร่วมมือกับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ พร้อมปฏิเสธว่าไม่ทราบเกี่ยวกับกระแสข่าว มีการโทรล็อบบี้ใน กคพ.
ส่วนถึงการยื่นถอดถอน พ.ต.อ.ทวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะกำกับดูแล DSI พล.อ.เกรียงไกร กล่าวว่า เราทำตามอำนาจหน้าที่ของ สว. ในการตรวจสอบองค์กรที่ดำเนินการดังกล่าว เนื่องจาก สว. มาตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นกระบวนการตรวจสอบ สว. ก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายเช่นเดียวกัน จึงเตรียมการอภิปรายทั่วไป เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องมีโอกาสมาตอบคำถาม หรืออาจเป็นการตั้งกระทู้ ย้ำน่าจะทันในสมัยประชุมนี้