ยอด “ผลิตรถยนต์” ม.ค.68 หดตัว 24% พิษสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า-รถจีนตีตลาด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ก.พ.68) นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในเดือนมกราคม 2568 ประเทศไทยสามารถผลิตรถยนต์ได้ รวม 107,103 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปี 2567 ถึง 24.63% เพราะผลิตขายในประเทศลดลง 31.78% ตามยอดขายที่ลดลง และผลิตส่งออกลดลง 21.10% ตามยอดส่งออกที่ลดลง

ขณะที่ยอดขายรถยนต์ภายในประเทศ เดือนมกราคม 2568 จำนวน 48,092 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ถึง 12.26% เพราะสถาบันการเงินยังมีการเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ จากหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศ ปี 2567 ขยายตัวต่ำที่ 2.5%

ด้านดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลง โดยเฉพาะผลผลิตยานยนต์ที่มีอุตสาหกรรมต่อเนื่องมากลดลง ทำให้แรงงานจำนวนมากมีรายได้ลดลง ใช้จ่ายลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวในอัตราต่ำ

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า อุตสาหกรรมยานยนต์อยากให้รัฐบาลเร่งพิจารณาและออกมาตรการช่วยเหลือค้ำประกันการปล่อยสินเชื่อซื้อรถกระบะให้เร็วขึ้น โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลบอกจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน แต่เราอยากให้รัฐบาลเร่งให้เร็วขึ้นเหลือเพียงแค่ 2 เดือน เพื่อให้สามารถอุตสาหกรรมนี้เดินหน้าการผลิตได้มากขึ้น มีการจ้างงานมากขึ้น ใช้จ่ายได้มากขึ้น เศรษฐกิจก็จะขยายตัวในอัตราสูงขึ้น จะสร้างบรรยากาศการลงทุนให้เร็วขึ้นตามความประสงค์ของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะความต้องการให้ GDP ประเทศโตมากกว่า 3% ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น มีซัพพลายเชนเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตยางล้อ ปิโตรเลียม เหล็ก หนัง กระจก ท่อไอเสีย และหม้อน้ำ เป็นต้น

นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือนมกราคม 2568 ไทยส่งออกได้ 62,321 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2567 ถึง 28.13% จากความกังวลเรื่องมาตรการกีดกันทางการค้าที่สหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ จึงต้องติดตามกันต่อไปว่า จะตอบโต้มากน้อยเพียงใด รวมทั้งการส่งออกของรถยนต์ไฟฟ้าจีนราคาถูกมาแข่งขันมากขึ้นในประเทศคู่ค้า

ขณะที่ รถยนต์ส่งออกบางรุ่นกำลังจะเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ และจากเดือนธันวาคม 2567 มีวันหยุดมาก บางบริษัทเปิดทำการช้าในเดือนมกราคม 2568 จึงผลิตได้น้อย ทำให้เดือนมกราคมมีรถส่งออกในตลาดออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ได้น้อย