CGSI มอง SET ผันผวน 1,225-1,250 จุด ชู MOSHI-ERW เด่น

บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสาน โดยดัชนี DJIA รีบาวด์ปิดบวก ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคฯ ขนาดใหญ่ยังเผชิญแรงขาย นำโดย Palantir (-10.5%), Nvidia (-3.1%) และ Microsoft (-1%) ที่มีรายงานว่าบริษัทยกเลิกสัญญาเช่า Data centre AI บางส่วน สร้างความกังวลว่าตลาด AI อาจอ่อนแอลงจาก Infrastructure AI ที่มากเกินความต้องการในสหรัฐ

นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าของปธน. ทรัมป์ยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด หลังล่าสุดทรัมป์กล่าวว่าอัตราภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกจะดำเนินต่อไปหลังจากกำหนดเวลาผ่อนผันหนึ่งเดือนสิ้นสุดลงในสัปดาห์หน้า ท่ามกลางรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเดือนก.พ. ที่ออกมาอ่อนแอฉุดให้ตลาดหุ้นสหรัฐร่วงลงมาเช่นกัน

โดยล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐ สาขาชิคาโกรายงานตัวเลขดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจ (CFNAI) เดือนม.ค. ปรับตัวลงมาที่ระดับ -0.03 เมื่อเทียบกับเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.18 เช่นเดียวกับเฟด สาขาดัลลัสที่เผยว่าดัชนีชี้วัดกิจกรรมในภาคการผลิตของรัฐเท็กซัสเดือนก.พ. ปรับตัวลงมาที่ -8.3 เมื่อเทียบกับเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 14.1

สำหรับวันนี้ติดตามรายงานตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB รวมถึงรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/67 ของ 1) Home Depot (25 ก.พ.68) / Lowe’s (26 ก.พ.68) เพื่อหาสัญญาณเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ของผู้บริโภคในสหรัฐ และ 2) Nvidia (26 ก.พ.68) ที่จะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐ เนื่องจากผู้ผลิตชิปที่เกี่ยวข้องกับ AI ยังคงเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด และจะเป็นการเปิดเผยผลประกอบการครั้งแรกหลังการมาของ DeepSeek ที่ฉุดให้หุ้น Nvidia ร่วงลงเกือบ 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.68 ที่ผ่านมา

ด้านราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 0.3% ขานรับรายงาน SPDR Gold Trust กองทุนทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เพิ่มการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นเป็น 904.38 เมตริกตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ส.ค.66 รวมถึงแรงสนับสนุนในสินทรัพย์ปลอดภัยจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรของทรัมป์ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เพิ่มขึ้น 0.5% หลังสหรัฐประกาศคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่ รวมถึงแถลงการณ์ของอิรักที่ยืนยันการลดกำลังการผลิตน้ำมันตามข้อตกลงของกลุ่ม OPEC+

ทั้งนี้ คาดว่า SET Index จะแกว่งตัวผันผวนบริเวณ 1,225-1,250 จุด และมีโอกาส Technical Rebound ตามทิศทางดัชนีดาวโจนส์ DJIA อย่างไรก็ตาม เรามองว่าโดยภาพรวมดัชนี SET ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน มีแรงซื้อ-ขายตามปัจจัยเฉพาะตัว

ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างประเทศ จึงแนะนำการลงทุนในหุ้นกลุ่ม Domestic Play ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/67 และแนวโน้มปี 68 สดใส รวมถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จาก FDI หลังการประกาศขึ้นภาษีของทรัมป์ อาจส่งผลให้บริษัทผู้ผลิต โดยเฉพาะรถยนต์ย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทย

เก็งกำไรก่อนการรายงานตัวเลขส่งออกไทยเดือนม.ค. วันนี้ อาทิ STA ที่รายงานผลประกอบการไตรมาส 4/67 ออกมาแข็งแกร่ง รวมถึงมีแรงสนับสนุนกลุ่มธุรกิจถุงมือยางจากความต้องการใช้ยางมาตรการ EUDR และมาตรการกีดกันทางภาษีสหรัฐ-จีน ทั้งนี้ ไทยมีการส่งออกยางพาราเติบโตถึง 36.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนในปี 67 ซึ่งเป็นสินค้าที่ส่งออกสูงสุดในกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม และ 2) ITC ที่มีกำไรในปี 67 เติบโต 58% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และแนวโน้มอุปทานอาหารสัตว์เลี้ยงในตลาดโลกยังคงเติบโต

สำหรับหุ้นแนะนำ ดังนี้

บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI รายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 206 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 90% จากไตรมาสก่อนหน้าจากยอดขายรวมที่แข็งแกร่ง การขยายสาขาอย่างรวดเร็ว และการประหยัดจากขนาด ซึ่งเรามองว่าโมเมนตัมการเติบโตที่แข็งแกร่งจะยังคงดำเนินต่อไปในครึ่งแรกของปี 68 จากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่แข็งแกร่ง การขยายตัวอย่างรวดเร็ว และฐานที่ต่ำจากการขาดแคลนอุปทานในปีที่แล้ว (Take profit : 42.75 / Stop loss : 40.50)

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW รายงานกำไรสุทธิหลักในไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 370 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 59% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 197% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมี RevPar ที่เติบโตแข็งแกร่งทุกกลุ่มทั้งโรงแรมระดับกลาง-หรู และ Hop Inn Thailand / Japan จึงคาดว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นตามผลประกอบการไตรมาส 4/67 ที่ออกมาดี (Take profit : 3.46 / Stop loss : 3.22)