
RATCH โกยกำไรปี 67 ทะลุ 6.1 พันล้าน โต 19% พ่วงปันผล 0.80 บ. จ่อขึ้น XD 17 มี.ค.นี้
RATCH เผยงบปี 67 กำไรสุทธิ 6.12 พันล้านบาท เติบโต 18.57% จากปีก่อน รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก HPC, PNPC และ NN2 เพิ่มขึ้น พร้อมควบคุมต้นทุนขายโรงไฟฟ้าลดลง บอร์ดไฟเขียวจ่ายเงินปันผลอัตราในหุ้นละ 0.80 บ. จ่อขึ้น XD 17 มี.ค. 68 กำหนดจ่ายปันผล 23 พ.ค. 68
บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH รายงานผลการดำเนินงานงบปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ ดังนี้
บริษัทมีกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 6,126.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.57% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 5,167.25 ล้านบาท โดยบริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก HPC เพิ่มขึ้นในปี 2567 (หากไม่รวมผลกระทบจาก FX) โดยมีสาเหตุหลักจาก รายได้ค่าความพร้อมจ่ายที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากโรงไฟฟ้ามีความพร้อมจ่ายในอัตรา 86.31% สูงกว่าปีก่อนหน้า ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของความพร้อมจ่ายเป็นผลจาก การบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้โรงไฟฟ้าสามารถเดินเครื่องผลิตได้อย่างต่อเนื่องและมีเสถียรภาพ ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้และส่วนแบ่งกำไรจาก HPC เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ขณะเดียวกันในปี 2567 ส่วนแบ่งกำไรจาก PNPC เพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุหลักเนื่องจากในไตรมาสที่ 1 ปี 2566 โรงไฟฟ้าได้หยุดเดินเครื่องเพื่อ ดำเนินการบำรุงรักษาตามแผน ตามตารางที่กำหนดไว้ ส่งผลให้ผลประกอบการในปี 2567 ฟื้นตัวขึ้นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน
นอกจากนั้นในปี 2567 มีส่วนแบ่งกำไรจาก NN2 เพิ่มขึ้น โดยมีสาเหตุหลักเนื่องจากโรงไฟฟ้าเดินเครื่องเพิ่มขึ้นตามปริมาณ น้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นจาก ปรากฏการณ์ลานีญา (La Niña) และอิทธิพลจาก พายุไต้ฝุ่นหยางิ
ขณะที่ต้นทุนขายโรงไฟฟ้าลดลง จากปริมาณขายไฟฟ้าและราคาก๊าซที่ปรับตัวลง ได้แก่ โรงไฟฟ้า RG :ต้นทุนขายลดลง เนื่องจากปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. ลดลง ตามแผนการเรียกรับไฟฟ้าของ กฟผ. ประกอบกับราคาค่าเชื้อเพลิงที่ปรับตัวลดลง รวมถึงโรงไฟฟ้า RPE: ต้นทุนขายลดลง จากการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าที่ลดลง ตามสัญญา PPA ฉบับใหม่กับ กฟผ. รวมถึงราคาก๊าซเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง และโรงไฟฟ้า RCO และ RER: ต้นทุนขายลดลงเป็นผลจากราคาก๊าซเฉลี่ยที่ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้บริษัทฯ รับรู้ผลจากการเปลี่ยนแปลงในมูลค่ายุติธรรมของการป้องกันความเสี่ยงกระแสเงินสดของกลุ่มบริษัทฯ ตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน (TFRS 9) ซึ่งมีสาเหตุหลักจากการเปลี่ยนแปลงใน มูลค่ายุติธรรมของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าในประเทศออสเตรเลีย ที่จัดทำขึ้นเพื่อบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาค่าไฟฟ้าในประเทศออสเตรเลีย
ทั้งนี้ รายการดังกล่าวเป็นการปรับปรุงทางบัญชี ซึ่ง ไม่ส่งผลกระทบต่อกระแสเงินสดของกลุ่มบริษัทฯ โดยบริษัทฯ มีกำไรส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นจำนวน 6,127 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรประจำปี 2567 และการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 1.60 บาท รวมเป็น
เงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 3,480 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 56.80 ของกำไรตามงบการเงินรวม ซึ่งเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2567 บริษัทฯ ได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท
ดังนั้นจึงคงเหลือเงินปันผลจ่ายสำหรับงวดนี้ในอัตราหุ้นละ 0.80 บาท คิดเป็นเงินปันผลจ่าย จำนวน 1,740 ล้านบาท โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล(XD) วันที่ 17 มี.ค. 2568 กำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันอังคารที่ 18 มีนาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 พฤษภาคม 2568