
พาราสาวะถี
ถือเป็นการยื้อเวลาในจังหวะที่รัฐบาลกำลังถูกจับตาเรื่องความสัมพันธ์ภายใน และใกล้ช่วงเวลาที่พรรคฝ่ายค้านกำลังจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ถือเป็นการยื้อเวลาในจังหวะที่รัฐบาลกำลังถูกจับตาเรื่องความสัมพันธ์ภายใน และใกล้ช่วงเวลาที่พรรคฝ่ายค้านกำลังจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษที่มี ภูมิธรรม เวชยชัย เป็นประธาน ถกกันวันวานค่อนข้างดุเดือดไม่น้อย มีการตั้งคำถามถึงอำนาจในการสอบสวนของดีเอสไอ สุดท้าย เสนอให้เลื่อนการประชุมออกไปโดยเชิญ กกต.มาชี้แจง และจะกำหนดวันนัดประชุมอีกครั้ง บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น กระแสต่าง ๆ ที่ถาโถมเข้าใส่กำลังร้อนแรง จำเป็นต้องลดแรงเสียดทานบางด้านไว้ก่อน
จะเห็นได้ว่า แพทองธาร ชินวัตร พยายามที่จะสร้างบรรยากาศให้พรรคร่วมรัฐบาลกลมเกลียวกัน หลังการประชุม ครม. จึงต้องกวักมือเชิญ อนุทิน ชาญวีรกูล มาร่วมวงแถลงข่าวด้วย พร้อมกับพูดว่า “เดี๋ยวจะหาว่าเป็นรอยร้าวเกิดขึ้น รัฐมนตรีของพรรคร่วมไม่ยอมมาร่วมการแถลง ไม่อยากให้เกิดข่าวลือไปเรื่อย” ก่อนจะยืนยัน เหล่าเสนาบดีที่แม้จะอยู่ต่างพรรคกันยังคงพูดคุย หยอกล้อกันปกติ ซึ่งเย็นวันเดียวกัน หัวหน้าและเลขาธิการพรรคจะไปร่วมวงกินข้าวเย็นกัน งานนี้ถูกคาดหมายว่าน่าจะเป็นไปด้วยความชื่นมื่น
ติดหล่มจมปลักกับความขัดแย้งไม่ได้ ประเทศต้องเดินหน้าเป็นข้ออ้างตั้งแต่เผด็จการ คสช.ยึดอำนาจ ประกาศวาทกรรมสวยหรูคืนความสุขให้ประชาชน เห็นกันอยู่กว่า 10 ปีที่ผ่านมา คนส่วนใหญ่ของประเทศตกอยู่ในความทุกข์ยากแสนสาหัส ปากท้องคุณภาพชีวิตย่ำแย่ ไม่ต้องพูดถึงการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ เทียบเคียงกับประเทศในภูมิภาค ถูกทิ้งห่างอย่างน่าใจหาย เห็นกันอยู่แล้วหากยังหาเหตุทะเลาะไม่เลิก ก้าวข้ามความแตกแยกไม่ได้ มีแต่หายนะที่รออยู่ข้างหน้า
รับรู้กันได้โดยไม่ต้องอาศัยข่าวล้วงลึกอะไร การจับมือกันของรัฐบาลพลิกขั้ว นอกเหนือจากโจทย์ใหญ่ทางการเมืองแล้ว การแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ถือเป็นโจทย์สำคัญที่จะต้องทำกันให้ได้ด้วย เช่นเดียวกันกับการกลับประเทศไทยของ ทักษิณ ชินวัตร หลังจากสัญจรในต่างแดนกว่า 17 ปี ก็มีภารกิจที่ได้รับการประสานและมอบหมายให้เข้ามาช่วยประสานทั้งการเมือง และการทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ซึ่งต้องยอมรับกันว่าทั้งสองเรื่องเป็นงานหินทั้งคู่
มิหนำซ้ำ การจะขยับปรับแก้ทั้งสองอย่างยังถูกวางกับดักไว้จากกลไกของขบวนการสืบทอดอำนาจอีกต่างหาก ทางการเมืองเห็นได้ชัดถ้าไม่นับความจำเป็นที่จะต้องจับมือกันให้แน่น ไม่ว่าจะเผชิญเรื่องอะไรก็ตาม แตกคอแยกวงกันไม่ได้ แต่ในแง่ความคิดเห็น จุดยืนในแต่ละเรื่องสามารถที่จะเห็นต่าง แสดงออกกันได้เต็มที่ นั่นจึงทำให้เห็นเหมือนเป็นปัญหาว่าพรรคเพื่อไทยกับภูมิใจไทย ขัดแย้งกันแทบจะทุกครั้งที่มีประเด็นพิจารณาข้อกฎหมายสำคัญ
โดยเฉพาะกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าใจได้ฝ่ายหนึ่งประกาศเป็นนโยบายเหมือนเป็นเงื่อนไขผูกมัดตัวเองไว้แล้ว ยังไงก็ต้องล้างผลพวงของเผด็จการสืบทอดอำนาจให้ได้ ในฐานะที่มีจุดยืนอยู่ฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตยมาโดยตลอด แต่พอต้องจับมือกับข้างอนุรักษนิยมมันจะเดินกันแบบสุดโต่งเหมือนพรรคฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ จึงจำเป็นต้องแสดงท่าทีขึงขัง เอาจริงเอาจังอย่างถึงที่สุด สุดท้ายหนีไม่พ้นหาทางลงที่ไม่ต้องเจ็บตัวทั้งสองฝ่าย และยังคงสามารถซื้อใจกองเชียร์ได้อยู่
ฟากของภูมิใจไทยชัดเจนเป็นอย่างยิ่งผลพวงจากกฎหมายสืบทอดอำนาจ ได้สร้างคุณูปการทำให้พรรคเติบโตอย่างเห็นได้ชัด นับรวมกับการวางแผน บริหารจัดการจนนำไปสู่ข้อครหา สว.สายสีน้ำเงิน นั่นย่อมแสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญ และองค์ประกอบต่าง ๆ ที่ขบวนการสืบทอดอำนาจได้วางไว้นั้นเป็นประโยชน์ต่อพรรค แล้วใครจะโง่ไปยอมให้แก้ จึงต้องทำทุกทางในการยึดยื้อ ซื้อเวลา หรือถ้าล้มได้ก็ต้องทำ การเมืองจึงยังเป็นปัญหาคาราคาซังแต่อยู่กันได้แบบนี้ต่อไป
ขณะที่มิติด้านเศรษฐกิจ ทักษิณเป็นคนพูดเอง นโยบาย แนวทางการแก้ไขที่เคยทำได้สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่สามารถที่จะนำมาใช้ในยุคนี้ได้ ไม่ใช่เพียงแค่โจทย์ที่ยากขึ้น หรือความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่ต้องตามให้ทันเท่านั้น หากแต่ระเบียบ ข้อบังคับ กฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการ ก็ถูกผูกปมไว้โดยขบวนการอยู่ยาว ปัญหาที่ว่ายากอยู่แล้วมาเจอกับดักที่วางยากันไว้แบบนี้ยิ่งทำให้ยุ่งกันไปใหญ่ แต่นักการเมืองระดับเขี้ยวลากดิน พอได้เข้ามาทำงานย่อมมองเห็นทิศทาง มีช่องที่จะขยับทำงานได้
ลำพังการแก้เกมความยุ่งยากที่ถูกจัดวางไว้เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ จำเป็นที่จะต้องอาศัยพลังสนับสนุนที่มีพาวเวอร์มหาศาล ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นสิ่งที่ทำให้นายใหญ่มีความมั่นใจมากว่า การได้โอกาสกลับมาทำงาน แล้วรัฐบาลมีความมั่นคงจากแรงเสียดทาน หรือกลไกที่เคยทำร้ายทำลายพรรคของตัวเองมาในอดีต จะทำให้มีเวลาในการคิด วางแนวทาง กำหนดนโยบายในการขับเคลื่อนเพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากทุกภาคส่วน ถ้าตั้งต้นได้ ก้าวต่อ ๆ ไปก็จะง่ายขึ้น
การเดินหน้าโดยตั้งเป้าให้ปัญหายาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องจบภายในปีนี้ คู่ขนานกับความพยายามในการผลักดันเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ให้เกิดขึ้นให้ได้ ถือเป็นการกำจัดพวกสิ่งผิดกฎหมายให้หมดไป ยกเอาบรรดาพวกสีเทาทั้งหลายที่อยู่ใต้ดินให้มาอยู่บนดิน แปรสภาพให้เป็นภาษีที่จะกลับมาเป็นงบประมาณให้รัฐบาลสามารถบริหารจัดการได้ เหล่านี้คือหลังพิงที่มีเสียงของประชาชนคอยค้ำยัน ขยับทำให้เห็นผลตั้งแต่ต้นปี เท่ากับมีชัยไปกว่าครึ่ง
นอกจากนั้น การได้รับหัวโขนเป็นที่ปรึกษาประธานอาเซียน ทันทีที่ได้เดินทางไปพบ อันวาร์ อิบราฮิม ที่มาเลเซีย ต่อด้วยการเข้าเฝ้าฯ สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งบรูไน กลับมาทักษิณก็เดินทางลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ทันที พร้อมพบปะพูดคุยผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนในพื้นที่ มีการประกาศขออภัยกับความผิดพลาดที่เคยทำในสมัยที่เป็นนายกฯ ก่อนจะตั้งเป้าวางไทม์ไลน์ความรุนแรงจะหมดไปภายในปี 2570 เหล่านี้คือแอ็กชันที่ทำให้เห็นว่า รัฐบาลพลิกขั้วไม่ได้เข้ามาเพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แต่มีความเดือดร้อนของประชาชนทุกระดับที่ต้องได้รับการแก้ไข แบบนี้รัฐบาลผสมจะมีอันเป็นไปได้อย่างไร
อรชุน