
จับตา 3 ตัวเต็งชิงเก้าอี้ “ประธานโอลิมปิก” พลิกโฉมวงการกีฬาไทย 25 มี.ค.นี้
นับถอยหลังการเลือกตั้งประธาน และคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย 25 มี.ค.นี้ ที่สังคมให้การจับตามอง โดยเฉพาะ 3 ตัวเต็งจาก 3 สมาคม ที่คนในแวดวงกีฬาคาดหวังว่าจะมาพลิกโฉมวงการกีฬาไทยให้กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
หนึ่งอีเวนต์สำคัญของคนในแวดวงกีฬาที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 25 มีนาคม 2568 นั้นคือการเลือกตั้งประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ เหตุที่บอกว่าเป็นอีเวนต์สำคัญนั้นเป็นเพราะการเลือกประธานและคณะกรรมการโอลิมปิกฯ ครั้งนี้ จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงทั้งในมิติของนโยบายและการพัฒนาวงการกีฬาของไทย ในยุคที่แฟนกีฬาขาดความเชื่อมั่นจากผลงานของทัพนักฬาไทยในหลายๆเวทีระดับโลก
โดยการเลือกตั้งครั้งนี้ผู้ที่เคยทำหน้าที่ประธานถึง 2 สมัยอย่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ต้องแพ้ฟาวล์เพราะไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นนายกสมาคมกีฬาแม้แต่ประเภทเดียว เนื่องจากตามเงื่อนไขของการลงชิงประธานและกรรมการโอลิมปิกฯ ผู้ที่สมัครเข้ารับคัดเลือกต้องมาจากนายกฯสมาคมกีฬา
ทำให้การเลือกตั้งตำแหน่งประธานครั้งนี้ มีผู้สมัครจำนวนเพียง 3 ราย ได้แก่ นายสุชัย พรชัยศักดิ์อุดม นายกสมาคมกีฬาลอนเทนนิสแห่งประเทศไทยฯ, ผศ.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทยฯ และคุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล สมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC Member) และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ
สำหรับกระบวนการเลือกประธานโอลิมปิกไทยฯ จะเริ่มจากการเสนอชื่อผู้แทนจากสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 37 สมาคม เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารใหม่ จำนวน 23 คน จากนั้นรวมกับตัวแทนนักกีฬาโอลิมปิก (ชนาธิป ซ้อนขำ) และตัวแทนจาก IOC (คุณหญิงปัทมา) รวมเป็น 25 คน สำหรับการเลือกตั้งประธานฯ ซึ่งจะจัดการเลือกตั้งแบบลับหากมีผู้เสนอชื่อแข่งขันกันหลายคน
โดยสมาคมกีฬาสมาชิกทั้ง 37 สมาคม จะมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือก “ผู้ทรงคุณวุฒิ” จำนวน 10 คน ในคณะกรรมการชุดใหม่ รวมทั้งกรรมการบริหารอีก 25 คน ซึ่งจะรวมกันเป็น 35 คน ในการประชุมครั้งสุดท้าย เพื่อจัดสรรตำแหน่งและเลือกประธานฯ คนใหม่
ทั้งนี้ 37 สมาคมกีฬาที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง ได้แก่ สมาคมกีฬาหลายประเภท เช่น ขี่ม้า, มวยสากล, บาสเกตบอล, กอล์ฟ, เทควันโด, แบดมินตัน, ฟุตบอล, วอลเลย์บอล, และอื่น ๆ อีกมากมาย
ขณะที่หลายฝ่ายในวงการกีฬาไทยต่างเห็นว่า ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานฯ ควรเป็นบุคคลที่มีบารมี และสามารถทำงานร่วมกับทั้งในระดับชาติและนานาชาติได้ รวมถึงมีผลงานในการพัฒนาและสร้างนักกีฬาสู่ระดับโลก และคว้าเหรียญโอลิมปิก และสิ่งที่ต้องการจากผู้นำคนใหม่ คือการสร้างความยั่งยืนและประโยชน์ให้กับวงการกีฬาไทย ซึ่งในขณะนี้ประเทศไทยกำลังเตรียมยื่นเสนอการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน Youth Olympic Games ฤดูร้อน 2030 ซึ่งจะเป็นบทบาทสำคัญที่ประธานโอลิมปิกไทยคนใหม่ต้องมีความสามารถในการประสานงานในระดับสากล