WORK ทีวีจอเบลอ.!?

ในบรรดาหุ้นสายบันเทิง ดูเหมือนหุ้น WORK เจ้าของช่อง Workpoint 23 ของ “ปัญญา นิรันดร์กุล” จะโดดเด่นกว่าหุ้นสายบันเทิงตัวอื่น ๆ ว่ามั้ย...


ในบรรดาหุ้นสายบันเทิง ดูเหมือนหุ้นบริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK เจ้าของช่อง Workpoint 23 ของ “เสี่ยตา-ปัญญา นิรันดร์กุล” จะโดดเด่นกว่าหุ้นสายบันเทิงตัวอื่น ๆ ว่ามั้ย…ขนาดในช่วงโควิดที่หลาย ๆ ช่องแทบเอาตัวไม่รอด จากเม็ดเงินโฆษณาที่หดหาย…

แต่ WORK ยังยืนได้ดี…ดีกว่าช่องใหญ่บางช่องเสียอีก สะท้อนได้จากผลประกอบการที่มีกำไรต่อเนื่อง แม้กำไรจะลดลงก็เถอะ..!?

แต่สถานการณ์ในปี 2567 เปลี่ยนไปแล้ว…จากปี 2566 ที่เห็นกำไร ก็พลิกมาขาดทุนซะงั้น…แล้วไม่ได้ขาดทุนแค่หลักแสนบาทหรือหลักสิบล้านบาทเท่านั้นนะ แต่ขาดทุนอ่วมกว่า 201.02 ล้านบาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 13.48 ล้านบาท

สาเหตุหลักก็มาจากรายได้จากธุรกิจรายการโทรทัศน์ ซึ่งประกอบด้วย รายได้จากการขายโฆษณาและโปรโมตในช่วงเวลาต่าง ๆ ของช่อง Workpoint และช่องสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ของบริษัท รวมถึงรายได้จากการให้เช่าช่วงเวลาให้แก่บุคคลภายนอกเพื่อออกอากาศรายการโทรทัศน์ในช่อง Workpoint รายได้จากการรับจ้างผลิตรายการ และรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์รายการไปยังต่างประเทศ ปรับลดลง 252.45 ล้านบาท หรือลดลง 13% เหลือแค่ 1,643.78 ล้านบาท เป็นผลมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลให้รายได้โฆษณาผ่านช่องทางโทรทัศน์และออนไลน์ปรับลดลงนั่นเอง…

นี่ขนาดว่าช่อง Workpoint 23 เรตติ้งดีงามติด Top 5 มาโดยตลอดนะเนี่ย…

สงสัยรายการแม่เหล็กของช่อง อย่างรายการร้องข้ามกำแพง รายการไมค์ทองคำ และรายการไมค์ปลดหนี้ กระแสไม่ได้ปัง…ดึงเม็ดเงินโฆษณาได้ไม่เหมือนในอดีตแล้วละมั้ง…

อย่าบอกนะว่า WORK กำลังเผชิญสถานการณ์จอเบลอ..!? ชักน่าเป็นห่วงแล้วสิ

และด้วยรายได้จากธุรกิจรายการโทรทัศน์เป็นรายได้หลักของ WORK ทำให้แม้อีก 3 ขาธุรกิจเติบโต นั่นคือ ขารายได้จากการรับจ้างจัดงาน ประกอบด้วย การจัดงานอีเวนต์ต่าง ๆ ทั้งที่เป็นการรับจ้างผลิตให้แก่บุคคภายนอกและจัดขึ้นเองโดยบริษัทฯ เพิ่มขึ้น 124.09 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 78% อยู่ที่ 282.60 ล้านบาท

ส่วนขารายได้จากการจัดคอนเสิร์ตและละครเวที ประกอบด้วย รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตและละครเวทีที่บริษัทฯ จัดขึ้นเอง และรายได้จากผู้ให้การสนับสนุนสปอนเซอร์โรงละคร เพิ่มขึ้น 32.35 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 11% อยู่ที่ 323.97 ล้านบาท ขณะที่ขารายได้จากการขายสินค้าและบริการอื่น ประกอบด้วยรายได้จากการบริการพื้นที่โรงละคร และรายได้จากการจัดหานักแสดง เพิ่มขึ้น 16.49 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23%…

แต่ไม่เพียงพอที่จะมาชดเชยกับรายได้จากธุรกิจรายการโทรทัศน์ที่หายไปได้

มิหนำซ้ำ WORK ยังเจอค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมาฉุดผลประกอบการอีก โดยมีค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น 72.54 ล้านบาท มาอยู่ที่ 571.19 ล้านบาท เนื่องจากมีการตั้งด้อยค่าสินทรัพย์ไม่มีตัวตน โดยเฉพาะสินทรัพย์ประเภทลิขสิทธิ์ละคร

เมื่อประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2567 แล้ว ทำให้ WORK ต้องปรับเกมธุรกิจใหม่ โดยในปีนี้จะหันมาเพิ่มสัดส่วนงานประเภทรายการรับจ้างผลิตให้มากขึ้น ขณะเดียวกันก็จะลดการจัดคอนเสิร์ตศิลปินต่างประเทศลง เพื่อลดผลกระทบจากการแข่งขัน ส่วนงานเทศกาลดนตรีในประเทศ มีแผนจะจัดทำร่วมกับพันธมิตรค่ายเพลงอื่น ๆ ผ่านการลงทุนร่วมกัน

ไม่หมดเท่านี้ ยังมีแผนจะเลิกผลิตละครอีกด้วย จะทำให้ค่าตัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ละครซึ่งบันทึกในต้นทุนการตั้งด้อยค่าลิขสิทธิ์ละครลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ก็ต้องจับตาว่า ในปี 2568 “เสี่ยตา” เจ้าพ่อเกมโชว์ จะปั้นรายการใหม่ ๆ ออกมาเรียกเรตติ้งและเม็ดเงินโฆษณาได้หรือเปล่า..?? และหลังจากปรับกลยุทธ์แล้ว ผลการดำเนินงานของ WORK จะดีขึ้นมั้ย..?? จะปังหรือพัง..??

ถ้า “ปัง” ก็รอดตัวไป…แต่ถ้า “พัง” คงต้องโกยแล้วล่ะโยม…

…อิ อิ อิ…

Back to top button