
พาราสาวะถี
ทายไว้ล่วงหน้าแล้วว่าวงดินเนอร์ของพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นไปด้วยความชื่นมื่น มีบทสรุปแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ทำตามสัญญา แพทองธาร ชินวัตร
ทายไว้ล่วงหน้าแล้วว่าวงดินเนอร์ของพรรคร่วมรัฐบาลจะเป็นไปด้วยความชื่นมื่น มีบทสรุปแบบแฮปปี้เอนดิ้ง ทำตามสัญญา แพทองธาร ชินวัตร ที่สวมหัวโขนทั้งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ออกมาให้สัมภาษณ์นักข่าวหลังเสร็จสิ้นการรับประทานอาหารร่วมกัน มีหลายประโยคที่ต้องขีดเส้นใต้ อย่างแรกที่นายกรัฐมนตรีหญิงยืนยัน เป็นการตอกย้ำความเป็นปึกแผ่นของรัฐบาลนั่นก็คือ รัฐบาลผสมมีเอกภาพ มีเสถียรภาพอย่างมั่นคง มีอะไรก็ช่วยเหลือกัน
ขณะเดียวกัน ปมที่ฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น แพทองธารได้แสดงออกถึงความมีภาวะผู้นำที่ทำให้บรรดาแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลต่างให้ความเกรงใจ และเชื่อใจแม้อาวุโสจะน้อยกว่าก็ตาม คำตอบจากคำถามที่ว่าจะต้องให้รัฐมนตรีเตรียมตัวอย่างไรนั้น นายกฯ หญิงบอกว่า ไม่ต้องให้รัฐมนตรีส่งการบ้าน เพราะทราบเนื้องานกันอยู่แล้ว รวมถึงตนมั่นใจในรัฐมนตรีทุกคน สำทับด้วยประโยคเด็ดไม่ต้องไปนึกถึงบทลงโทษหากมีการหักหลังกันเพราะเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น
แสดงให้เห็นถึงความไว้เนื้อเชื่อใจ เชื่อมั่นในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของรัฐมนตรีในรัฐบาล เพราะในคำถามเดียวกันนั้น อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยังบอกกับนักข่าวว่า ตนเชื่อว่าก่อนการชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ควรไปเสนอนายกฯ ว่าแนวทางควรเป็นอย่างไร ถูกกล่าวหาว่าอะไรควรไปนำเรียนนายกฯ ก่อนเพื่อให้รับทราบ สะท้อนให้เห็นถึงการให้เกียรติ สร้างความสบายใจให้กับผู้นำรัฐบาล แสดงความบริสุทธิ์ใจ และการันตีการทำงานของรัฐมนตรีแต่ละพรรคไปในตัวว่าทำทุกอย่างด้วยความรอบคอบ โปร่งใส
อย่างไรก็ตาม สำหรับท่าทีของแต่ละพรรคร่วมรัฐบาลในการปกป้องรัฐมนตรีถูกซักฟอกนั้น แพทองธารยืนยันว่า ต้องไปคุยกันภายในพรรคเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ตนไม่กังวลและพร้อมที่จะตอบชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขณะเดียวกัน เจ้าตัวยังได้แสดงออกถึงความจริงใจในการปกป้องรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล หลังจากที่นักข่าวถามว่าวงหารือมีหัวหน้าพรรคคนไหนระบายความในใจอะไรบ้าง ทำให้ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ชี้นิ้วไปที่เสี่ยหนูจนทำให้หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยมีสีหน้าอึ้งทันที
ทำให้แพทองธารรีบออกตัวทันทีว่าเป็นการพูดเล่น พร้อมบอกว่า ไม่มีใครที่ระบายความในใจอะไร ก่อนจะเปลี่ยนประเด็นว่า การพบปะครั้งนี้ได้ข้อมูลจากทุกคนจำนวนมาก จะได้นำข้อมูลเหล่านั้นไปปรับ ส่วนการถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็ไม่มีอะไรที่ตอบไม่ได้ ท่วงทำนองแบบนี้นี่เอง ที่ทำให้เสี่ยหนูถึงพูดย้ำแล้วย้ำอีกแทบจะทุกครั้งที่ถูกไล่บี้เรื่องความสัมพันธ์ภายในรัฐบาลว่า ตนฟังนายกฯ เพียงคนเดียว แพทองธารคือผู้มีอำนาจชี้ขาดในรัฐบาล
นอกจากนั้น หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยยังบอกด้วยว่า วงดินเนอร์รอบนี้ถือเป็นเวทีที่นายกฯ ได้แสดงภาวะผู้นำอย่างชัดเจนให้แก่พรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคได้เห็น ดังนั้น แกนนำทุกคน ทุกพรรคจึงมีความมั่นใจในการเป็นผู้นำของแพทองธาร ซึ่งได้มีการกำหนดแนวทางชัดเจนว่า “เราเป็นรัฐบาลด้วยกันก็ต้องอยู่ด้วยกันให้ยาวนานที่สุด” หากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจและมีการออกนอกแนว ก็ให้แต่ละพรรคช่วยกันปกป้อง ไม่ใช่พรรคใครพรรคมัน ปกป้องแต่รัฐมนตรีของพรรคตัวเอง หากใครมีความรู้ก็สามารถแก้ต่างได้ มาช่วยกัน
ฟังจากคำสัมภาษณ์ของเสี่ยหนูแล้ว อาจเป็นเครื่องการันตีประเด็นที่ ทักษิณ ชินวัตร เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ก็ได้ว่า แม้จะเป็นพ่อลูกกันแต่วิถี สไตล์การทำงานอาจแตกต่างกัน หลายเรื่องลูกสาวมีความเด็ดขาด กล้าตัดสินใจกว่าตัวเองเสียด้วยซ้ำ น่าจะเหมือนที่อนุทินบอก แพทองธารประกาศต่อหน้าแกนนำทุกพรรคว่า “ตัวเองว่าเป็นผู้คุมกฎ ที่ทุกคนต้องทำตามแนวทาง” ไม่ใช่เฉพาะเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อะไรก็ตามที่เป็นความร่วมมือกันของพรรคร่วมรัฐบาล หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ต้องไปกำกับ สส.อย่าให้มีการแหกคอก และเกิดความไม่เข้าใจในรัฐบาล
เป็นการขอความร่วมมือที่อ่อนหวานแต่เฉียบคม ไม่ใช่การทุบโต๊ะจะเอาให้ได้ เป็นไปตามที่เคยบอกมาตลอด กระบวนการทำงานของรัฐบาลพลิกขั้วนั้น ท่าทีของ สส.หรือสมาชิกพรรคการเมืองใดในฝ่ายกุมอำนาจ ต่อเรื่องใดก็ตาม จะไม่ถูกนำมาสร้างปัญหาให้กับฝ่ายบริหาร ตามที่อนุทินว่าปมถูกแทงข้างหลังกรณีตรวจสอบสนามกอล์ฟที่ปากช่องไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว สำหรับรัฐบาลเอาเรื่องส่วนตัวมาทำให้ภาพรวมเสียไม่ได้ เป็นคนละเรื่องกัน
อีกหนึ่งความชัดเจนจากมุมของอนุทินที่บอกผ่าน การแชร์ค่าอาหารในการจัดดินเนอร์หนนี้ว่า ไม่ได้เป็นการแสดงเชิงสัญลักษณ์ว่าเป็นการกระจายอำนาจระหว่างรัฐบาลให้ลงตัวแต่อย่างใด เป็นเพียงหัวหน้ารัฐบาล นัดหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเพื่อหารือและกำหนดแนวทาง บอกเจตจำนง ความตั้งใจ ภาพที่นายกฯ อยากเห็น ซึ่งได้รับความเห็นชอบ เห็นด้วยจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค เหมือนมีฉันทามติว่า “เราจะทำงานด้วยกัน” นับตั้งแต่ร่วมรัฐบาลกันมา วันนี้มีความชัดเจนมากที่สุด
คงต้องไปรอดูหลังจากที่พรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไปแล้ว และทางรัฐบาลได้กำหนดวันที่สะดวกจะไปชี้แจงต่อสภาไปแล้ว หัวหน้าและแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาล จะมีการนัดหมายเพื่อหารือในเรื่องเจตนารมณ์ของพรรคร่วมรัฐบาลกันแบบไหน อย่างไร เพราะเรื่องนี้ถือเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญ ถ้ามีความเป็นเอกภาพ มติของที่ประชุมพรรคจะต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกันทั้งหมด จะต้องไม่มีใครมาแทงกั๊กโดยอ้างรัฐธรรมนูญว่าเป็นสิทธิ เสรีภาพของ สส.ที่จะแสดงความเห็น หรือลงมติไปในแนวทางใดก็ได้
อีกเหตุผลที่ทำให้บรรยากาศดินเนอร์เต็มไปด้วยรอยยิ้ม น่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากที่ประชุม ครม.มีการถกลับ พร้อมมอบหมายให้ ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ดำเนินการร่างคำร้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความปม “ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์” ให้มีความชัดเจน เพราะผลจากคดี เศรษฐา ทวีสิน เป็นการตีความโดยกว้าง ทำให้เกิดการร้องเรียน และเป็นเรื่องยากที่จะแต่งตั้งคนเป็นรัฐมนตรีหรือข้าราชการการเมือง ส่วนจะเป็นการปูทางให้คนสำคัญของบางพรรคร่วมได้คัมแบ็คหรือเปล่านั่นก็อีกเรื่อง แต่ขยับกันแบบนี้แพทองธารกับพ่อนายกฯ ทำให้เห็นว่าไม่ได้ตั้งป้อม กีดกันใครในพรรคร่วมรัฐบาลที่ถูกเสนอชื่อให้มาเป็นเสนาบดี
อรชุน