
BDMS-BH บวกแรง! รับงบปี 67 แกร่ง ลุ้นมาตรการท่องเที่ยวหนุนผู้ป่วยต่างชาติ
BDMS บวก 5% ขณะที่ BH บวก 6% หลังโชว์กำไร ปี 67 โตแกร่ง พร้อมกับปัจจัยบวกจากการกระตุ้นการท่องเที่ยวของภาครัฐที่คาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มการรักษาที่โรงพยาบาล ส่งผลให้แนวโน้มกำไรของทั้งสองบริษัทสดใสในปี 2568
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (27 ก.พ.67) ราคาหุ้น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ณ เวลา 10:24 น. อยู่ที่ระดับ 24.30 บาท บวก 1.10 บาท หรือ 4.74% สูงสุดที่ระดับ 24.40 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 23.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 926.15 ล้านบาท
ขณะที่ราคาหุ้น บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ณ เวลา 11:01 น. อยู่ที่ระดับ 195.00 บาท บวก 11.50 บาท หรือ 6.27% สูงสุดที่ระดับ 195.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 186.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1,379.03 ล้านบาท
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุถึง BDMS ว่ากำไรปี 2567 อยู่ที่ 15,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เทียบกับงวดเดียวกันชองปีก่อน จากผู้ป่วยชาวไทยที่เติบโต 5% และ ผู้ป่วยต่างชาติที่เติบโต 11% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กาตาร์ อยู่ที่ 49%, จีน 31%, U.S. 25% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยต้นทุนทางการเงินลดลง 21% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดและคืนเงินกู้สถาบันการเงินบางส่วน รวมถึง effective tax rate ที่ 18.7% จากโครงการ BOI
ส่วนกำไรไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 4,333 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าคาด ได้แรงหนุนจากรายได้กลุ่มผู้ป่วยต่างชาติ เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายได้อื่น เพิ่มขึ้น 11% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก Movenpick Wellness Resort รวมถึง effective tax rate 16% จากการลงทุนโครงการ BOI
สำหรับแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/68 ได้อานิสงส์จากผู้ป่วยไทย เนื่องจากผู้ป่วยไข้เลือดออกปรับเพิ่มขึ้น เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่อาจกดดันจากผู้ป่วยต่างชาติที่จำนวนวันเทศกาลรอมฎอน 68 ตกอยู่ไตรมาส 1/68 เต็มไตรมาส แต่ยังมองทั้งปี 68 สดใส จากการขยายลูกค้าค้ากลุ่มท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ในจังหวัดสำคัญ รวมถึงมีโอกาสที่จะเป็น 1 ใน 3 รพ. ที่รัฐบาลคูเวตจะเลือกให้เป็น รพ. คู่สัญญา ส่งผลให้ลูกค้ากลุ่มตะวันออกกลางกลับมาเติบโตอีกครั้ง
ขณะที่ BH มีกำไรสุทธิในปี 67 อยู่ที่ 7,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 จาก 7,006 ล้านบาท ในปี 66 ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเป็นร้อยละ 30.1 ในปี 67 เทียบกับร้อยละ 27.4 ในปี 66 ส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวมปี 67 อยู่ที่ 25,862 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 จาก 25,575 ล้านบาท ในปี 66
ส่วนไตรมาส 4/67 บริษัทมีกำไรสุทธิ จำนวน 1,903 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6 จาก 1,721 ล้านบาท ในไตรมาส 4/66 ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเป็นร้อยละ 29.2 ในไตรมาล 4/67 เทียบกับร้อยละ 26.2 ในไตรมาส 4/66 โดยมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ 6,452 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 0.7 จาก 6,497 ล้านบาท ในไตรมาส 4/66 ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของรายได้จากลุ่มผู้ป่วยต่างชาติร้อยละ 5.8 หักกลบกับการเพิ่มขึ้นของรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยร้อยละ 10.2 เป็นผลให้รายได้จากลุ่มผู้ป่วยชาวไทยคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.5 จากทั้งหมด ในขณะที่รายได้จากลุ่มผู้มีผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็นร้อยละ 64.5 ในไตรมาส 4/67 เทียบกับร้อยละ 32.0 และร้อยละ 68.0 ตามลำดับ ในไตรมาส 4/66
ประกอบกับ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า มองหุ้น BH และ BDMS ปรับตัวขึ้นหลังจากรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 4/67 ออกมาดีกว่าคาดทั้ง BH และ BDMS ทำให้ความกังวลก่อนหน้านี้ว่าผลงานอาจชะลอลงที่เป็นปัจจัยกดดันหุ้นทั้ง 2 ตัวคลี่คลายลงไป ประกอบกับ ตอบรับปัจจัยสนับสนุนจากการที่ภาครัฐเตรียมออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามามากขึ้น ทำให้จะมีกลุ่มลูกค้าต่างชาติเป้าหมายของ BH และ BDMS เข้ามารักษาในโรงพยาบาลมากขึ้น และแนวโน้มไตรมาส 1/68 ยังเห็นจำนวนคนไข้ต่างชาติเข้ามารับการรักษาในระดับสูง
ขณะเดียวกันราคาหุ้นในช่วงก่อนหน้านี้ปรับลงมาจากแรงกดดันความกังวลผลการดำเนินงานจน valuation ไม่แพงแล้ว แต่หลังการแจ้งงบออกมาดีกว่าคาดก็ทำให้ปลดล็อกปัจจัยดังกล่าว และหุ้นโรงพยาบาลเป็นหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับภาคบริการ คาดว่าจะได้รับ sentiment บวกต่อเนื่องหลังจากที่เมื่อวานนี้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเซอร์ไพร์สตลาด
ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ถึง BDMS ว่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36.50 บาท หลังรายงานกำไรปกติไตรมาส 4/67 ที่ 4.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% เทียบกับไตรมาสก่อนหน้า, เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แข็งแกร่งตามที่คาด แต่ดีกว่าที่ตลาดคาด 6% หนุนจากรายได้ที่เติบโตโดยเฉพาะต่างชาติ ขณะที่ margin ยังทรงตัวได้ดี จบปี 67 มีกำไรปกติ 1.6 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้แนวโน้มกำไรปี 68 คาดว่ายังเติบโตต่อเนื่องที่ 1.76 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ราคาหุ้นยังฟื้นตัวไม่มากเทียบกับ SET ที่ฟื้นตัวแรงวานนี้ ขณะที่ Valuation ยังน่าสนใจ เทรด PER 21 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 29 เท่า โดยให้แนวรับที่ระดับ 22.80/22.20 บาท และแนวต้าน 23.50-23.70/24.40 บาท