
MGC-ASIA ลุยเต็มสปีด! เปิดโรดแมป 3 ปี สยายปีกอาณายานยนต์ไฟฟ้า ตั้งเป้าปี 68 โต 10%
MGC-ASIA ฉลอง 25 ปี ก้าวสู่เบอร์หนึ่ง “Lifestyle Mobility” พร้อมเดินหน้าโรดแมป 3 ปี มุ่งขยาย 4 กลุ่มธุรกิจหลัก พร้อมตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโต 10%
ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC-ASIA พร้อมด้วยนางสาวเจิดนภางค์ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงินและบัญชีกลุ่ม MGC-ASIA และนายอาสา ปิยะรัฐ ผู้อำนวยการอาวุโสสายงานกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจกลุ่ม MGC-ASIA ได้ร่วมกันเปิดเผยถึงทิศทางบริษัทเนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปีของการดำเนินธุรกิจ
ดร.สัณหวุฒิ เปิดเผยว่า ปี 2568 ถือเป็นปีสำคัญของบริษัทฯ ที่ครบรอบ 25 ปีของการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพขององค์กรและการเติบโตอย่างมั่นคง โดยบริษัทฯ ได้กำหนดโรดแมป 3 ปี(2568-2570) ข้างหน้า เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง 3Ps ได้แก่ PEOPLE คือการพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพสูง พร้อมเสริมสร้างทัศนคติการให้บริการที่เป็นเลิศ PROCESS: ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ลดขั้นตอนซ้ำซ้อน ยกระดับมาตรฐานการดำเนินงาน และ PROFIT: มุ่งสร้างผลกำไรอย่างยั่งยืน ผ่านการจำหน่ายยานยนต์รุ่นใหม่ บริการหลังการขาย และการขยายศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง
ทั้งนี้ กลยุทธ์ของ MGC-ASIA จะเน้นการขยายธุรกิจใน 4 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.ธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ (Mobility Retail) รักษาส่วนแบ่งตลาดรถพรีเมียม เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่จากแบรนด์ชั้นนำ พัฒนาแพลตฟอร์ม MGC-MOBILIFE ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า
2.ธุรกิจบริการหลังการขาย (Aftersales Service) โดยขยายสาขา MMS Car Service & Tire เพิ่มศูนย์ซ่อมสีและตัวถัง Tesla Approved Body Shop (TAB) 3. ธุรกิจให้บริการรถเช่าและพนักงานขับ (Car Rental and Driver Services) ขยายบริการครอบคลุมทุกมิติของการเดินทาง เพิ่มสัดส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในฟลีตรถเช่า และ 4. ธุรกิจบริการทางการเงินและประกันภัย (Other Services)
สําหรับธุกิจบริการทางการเงินอย่างครบวงจร บริษัท อัลฟา เอกซ์ จํากัด ซึ่ง MGC-ASIA ร่วมทุนกับ บริษัท เอสซีบี เอกซ์จํากัด (มหาชน) ในปีนี้ จะมุ่งเน้นการเติบโตจากการให้สินเชื่อ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ เน้นการให้สินเชื่อเพื่อสร้างความมั่งคั่ง (Wealth Lending) ซึ่งให้ผลตอบแทนในระดับสูง และมีความเสี่ยงที่ต่ำ ส่งผลให้พอร์ตการให้สินเชื่อเติบโตขึ้นกว่า 45% นอกจากนี้ มีการปรับลดขั้นตอนทำงาน และลดต้นทุนในการดำเนินงานลงได้กว่า 10% จากปีก่อนหน้า และลดการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีความเสี่ยง ส่งผลให้การลงทุนทางด้านเครดิตลดลงกว่า 50% เทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเป็นปีแรก และปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเน้นการเติบโตผ่านบริการ Wealth Lending ในอัตราที่เพิ่มขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานด้วย AI พร้อมนำเสนอทางออกในการชำระหนี้ที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า
ส่วน ธุรกิจบริการประกันภัย ที่บริหารงานโดย บริษัท ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (Howden Maxi) ในปีงบประมาณช่วงเดือนตุลาคม 2566 ถึง กันยายน 2567 บริษัทฯ สามารถทำรายได้แตะระดับ 337 ล้านบาท เติบโต 2% และ มีกำไรสุทธิ 99 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้เป็นผลมาจากการเติบโตของกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ รวมถึงการขยายพอร์ตไปยังกลุ่มลูกค้ารายใหม่มากขึ้น โดยทีมที่สามารถสร้างรายได้เข้าเป้า มาจากทีมอัญมณีเครื่องประดับ, ทีมงานศิลปะ และทีมงานโครงการพิเศษ นอกจากนี้ ธุรกิจท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเฟื่องฟู ส่งผลให้ธุรกิจรถเช่า SIXT มีรายได้เติบโต 11.10% ซึ่งถือว่ามีอัตราการเติบโตและผลกำไรที่น่าพอใจ ทั้งรถเช่าระยะสั้น และรถเช่าระยะยาว รวมถึงบริการพนักงานขับรถ
ด้านนางสาวเจิดนภางค์ ระบุว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในปีที่ผ่านมา กลุ่ม MGC-ASIA มีรายได้รวม 20,334 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 145.60 ล้านบาท EBITDA 1,631 ล้านบาท ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4/2567 มีรายได้ 5,977 ล้านบาท เพิ่ม 32% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 มีกำไรสุทธิ 95.20 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 888.40% เมื่อเทียบกับไตรมาสก 3/2567และ ค่าตัดจำหน่าย EBITDA 468 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23% ไตรมาส 3/2567
ทั้งนี้สถานะสินค้าค้างส่งมอบ (Backlog) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2568 XPENG 767 คัน ZEEKR 230 คัน Rolls-Royce 8 คัน BMW 42 คัน MINI Cooper 78 คัน HONDA 337 คัน Harley-Davidson 50 คันและBMW Motorrad 41 คัน
ขณะเดียวกัน MGC-ASIA มีแผนขยายธุรกิจไปยังตลาดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะในกลุ่ม EV และจับมือกับพันธมิตรระดับโลก เช่น XPENG และ ZEEKR ผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าจากจีน รวมถึงขยายความร่วมมือกับ CITY AUTO GROUP เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจร่วมกัน โดยตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ปีนี้ไว้ที่ 10%
นอกจากนี้ ดร.สัณหวุฒิ มองการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของ กนง. ลง 0.25% ถือเป็นเรื่องที่ดีและสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับภาคธุรกิจ กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน โดยเฉพาะตลาดยานยนต์กลุ่มลักซูรี่คาร์ ที่ยังเห็นภาพการเติบโตในส่วนของยอดการจองรถ และการส่งมอบ
ขณะเดียวกัน MGC-ASIA ยังเตรียมความพร้อมกับการเติบโตของรายได้และกำไรที่จะเกิดขึ้นจากโครงการของรัฐบาล โดยเฉพาะ ENTERTAINMENT COMPLEX ซึ่งสอดคล้องกับธุรกิจเรือยอร์ต ที่จะเข้าไปมีบทบาทสำคัญกับการทำยอร์ตคลับในอนาคต