
“กองทุนที่ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลได้” ทางเลือกใหม่ของผู้ลงทุนไทย
การลงทุนใน “สินทรัพย์ดิจิทัล” ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของโทเคนดิจิทัล หรือเหรียญต่าง ๆ ไม่ว่าจะทางฝั่งตลาดโลกหรือในบ้านเราเอง
คอลัมน์: ชวนคิด ชวนคุย กับ ก.ล.ต.
- โดย นางสาวอาชีนี ปัทมะสุคนธ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ ก.ล.ต.
คุณผู้อ่านหลายท่าน น่าจะคุ้นเคยกับการลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างหุ้น หุ้นกู้ กองทุนรวม หรือทองคำ และบางท่านอาจเคยได้ยินและสนใจจะลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่บ้าง แต่ก็ยังลังเลอยู่ เพราะรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก แถมยังมีความผันผวนค่อนข้างสูง วันนี้ดิฉันมีข้อมูลที่เป็นโอกาสใหม่ ๆ มาเล่าให้ฟังค่ะ…
การลงทุนใน “สินทรัพย์ดิจิทัล” ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของโทเคนดิจิทัล หรือเหรียญต่าง ๆ ไม่ว่าจะทางฝั่งตลาดโลกหรือในบ้านเราเอง ในปี 2567 มูลค่าตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลของไทยโตขึ้นกว่าปีก่อนหน้ากว่าร้อยละ 70 ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลเติบโตอย่างรวดเร็วคือการที่ Bitcoin หรือ BTC ได้รับการยอมรับมากขึ้น และราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ยังเกิดจากการที่ในประเทศเรามีช่องทางการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลที่สะดวกขึ้น ทั้งการซื้อขายโดยตรงกับ ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์ซื้อขายฯ นายหน้าฯ และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล หรือลงทุนทางอ้อมผ่านการให้ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัลที่บริหารจัดการเงินลงทุนให้
เพื่อเป็นการเพิ่มตัวเลือกในการลงทุน และปรับตัวให้สอดคล้องกับแนวโน้มการลงทุนสากล เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ปรับเกณฑ์ให้กองทุนที่จัดตั้งขึ้นใหม่ที่เป็นกองทุนรวมสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ให้ลงทุนใน Crypto Exchange Traded Fund หรือที่รู้จักกันในชื่อ Crypto ETF ได้ โดยกองทุนรวมที่จัดตั้งด้วยนโยบายการลงทุนใหม่นี้ กำหนดให้ลงทุนใน Crypto ETF ได้ไม่เกิน 5% ของทรัพย์สินสุทธิของกองทุน และกองทุนสำหรับผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษสามารถลงทุนโดยตรงใน Crypto asset อย่าง Stablecoin และ Bitcoin ได้ไม่เกินร้อยละ 20 ของทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ทั้งนี้ก็เพื่อจำกัดสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมกับระดับความเสี่ยง แล้วใครบ้างที่เข้าข่ายเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษตามเกณฑ์ ก.ล.ต. กำหนดไว้ ก็อย่างเช่น ผู้ที่มีทรัพย์สินสุทธิ ไม่น้อยกว่า 60 ล้านบาท หรือรายได้ต่อปีไม่น้อยกว่า 6 ล้านบาท หรือมีเงินลงทุนในหลักทรัพย์รวมเงินฝาก ไม่น้อยกว่า 30 ล้านบาท รวมถึงผู้ที่มีความรู้หรือประสบการณ์ เช่น ได้รับ CFA หรือ คุณวุฒิวิชาชีพทางการเงินและการลงทุนสากล เป็นต้น
หลายคนอาจจะยังไม่คุ้นเคยกับคำว่า Stablecoin และ Bitcoin ขอขยายความให้ฟังเพิ่มเติมนะคะ Stablecoin ก็คือสินทรัพย์ดิจิทัลรูปแบบหนึ่ง ที่มีกลไกตรึงมูลค่ากับสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง เช่น ทองคำ พันธบัตร สกุลเงินต่าง ๆ โดยความผันผวนของ Stablecoin ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าสินทรัพย์ที่หนุนอยู่ ส่วน Bitcoin เป็นคริปโทเคอร์เรนซีสกุลหนึ่ง ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อกลางแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ หรือแลกเปลี่ยนระหว่างสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยกัน ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังไม่ได้รับรองให้คริปโทเคอร์เรนซีสามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (legal tender)
สำหรับใครสนใจกองทุนประเภทนี้ สามารถซื้อได้ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของตัวแทนขาย อย่างช่องทางของธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน เป็นต้น และถ้าจะดูว่ากองทุนใดลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลบ้าง สามารถดูข้อมูลได้จากหนังสือชี้ชวน หรือ Fund Fact Sheet ของกองทุนนั้น ๆ
อย่างไรก็ตาม การลงทุนของกองทุนรวมในสินทรัพย์ดิจิทัลยังเป็นเรื่องใหม่ จึงยังมีกองทุนที่แบ่งสัดส่วนมาลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเปิดขายอยู่ไม่กี่กองทุน ใครอยากรู้ว่ากองทุนที่จัดตั้งใหม่กองใดลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลบ้าง สามารถติดตามข้อมูลได้จากช่องทางทางการของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือ บลจ. นอกจากนี้ยังสามารถศึกษาข้อมูลและเปรียบเทียบกองทุนรวมได้ที่แอปพลิเคชัน SEC Fund Check ตัวช่วยในการค้นหาข้อมูลกองทุนรวม เช่น ความเสี่ยงของกองทุน ผลตอบแทนย้อนหลัง เป็นต้น โดยตอนนี้ ก.ล.ต. ยังคงติดตามพัฒนาการการลงทุนของกองทุนทั้งในและต่างประเทศอยู่อย่างใกล้ชิดนะคะ
ขอย้ำกับทุกท่านอีกนิดค่ะว่า สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ จึงอยากให้ทำความเข้าใจในผลิตภัณฑ์ที่จะลงทุน และอย่าลืมจัดสรรเงินลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ และถ้าใคร ถูกชักชวนลงทุนผ่านโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ให้ตรวจสอบรายชื่อบุคคลนั้นด้วยแอปพลิเคชัน SEC Check First แอปพลิเคชันที่ให้บริการค้นหารายชื่อผู้ให้บริการในตลาดทุนที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ก่อนเป็นอันดับแรก และควรถามไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของบริษัทนั้น ๆ ด้วยว่า คนที่มาชักชวนเป็นผู้ที่ได้รับความเห็นชอบจริงหรือไม่ มีผลิตภัณฑ์การลงทุนดังกล่าวจริงหรือไม่ ไม่อย่างนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพนะคะ ดิฉันหวังว่า ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นมุมมองใหม่ ๆ ในการลงทุน และหากมีข้อมูลอะไรใหม่ ๆ จะมาเล่าให้ฟังกันในโอกาสหน้านะคะ