
PR9 มั่นใจปีนี้โตต่อ รับสัดส่วนรายได้ต่างชาติพุ่ง ชูเรือธงศูนย์ “หัวใจ-ไต-สมอง” หนุนแกร่ง
PR9 มั่นใจผลงานปี 68 โตต่อเนื่อง ลุยตลาดตะวันออกกลาง-CLMV หลังสัดส่วนรายได้ต่างชาติปี 67 พุ่ง 17% ชูเรือธงสถาบัน "หัวใจ-ไต-สมอง" หนุนแกร่ง จากจุดแข็งการรักษาไตคุณภาพสูงด้วยอัตราความสำเร็จ 98% พร้อมวางกลยุทธ์เติบโต 3 ปี (67-69) 4 ด้าน อาทิ “พัฒนามาตรฐานศูนย์การแพทย์ที่มีคุณภาพระดับสากล-ให้บริการคุณภาพสูง-ลดการทำงานซ้ำซ้อน และนำเทคโนโลยี AI เพื่อพัฒนาบริการทางการแพทย์ ด้านมาตรการ Copayment เตรียมพร้อมรับมือและจัดโปรโมชั่นตอบโจทย์ลูกค้าที่มาเข้าใช้บริการ
นพ.วิทยา วันเพ็ญ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 เปิดเผยว่า เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ว่า ผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 712.68 ล้านบาท โต 27.80% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 557.86 ล้านบาท
เนื่องจากปี 2567 รายได้รวมอยู่ที่ 4,691 ล้านบาท เติบโต 10.30% เมื่อเทียบกับปี 2566 เนื่องจากรายได้ OPD (ผู้ป่วยนอก) เติบโต 9.6% และสัดส่วน IPD (ผู้ป่วยใน) เติบโต 11.30% อีกทั้งรายได้จากลูกค้าต่างชาติมีการเติบโตของรายได้อยู่ที่ 36.30% เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นจาก 14% ในปี 2566 เป็น 17% ในปี 2567 โดยเฉพาะในไตรมาส 4/67 ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 20% จากไตรมาส 3/67 อยู่ที่ระดับ 14%
โดยปัจจุบันหลังจากเปิดบริการลูกค้าในตลาดตะวันออกกลางมีผู้ป่วยมาใช้บริการเพิ่มขึ้น โดยเห็นได้ชัดจากสัดส่วนรายได้กลุ่มลูกค้าต่างชาติในไตรมาส 3/67 อยู่ที่ 14% ขยับขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 20%ในไตรมาส 4/67 รวมทั้งกลุ่มผู้ป่วยจาก CLMV ได้แก่ กัมพูชา, ลาว, เมียนมาร์, และเวียดนาม ยังเชื่อมั่นในคุณภาพการรักษาพยาบาลของโรงพยาบาลไทย และมีการเดินทางเข้ามารับการรักษาต่อเนื่องเช่นกัน
ส่วนนโยบายการส่งออกผู้ป่วยไปรักษาต่างประเทศของรัฐบาลคูเวต ปัจจุบันยังไม่ได้ส่งผู้ป่วยมารักษากับมากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ อย่างไรก็ตามทางคูเวตกำลังให้ความสนใจโรงพยาบาลในไทยที่สามารถรองรับผู้ป่วยได้ หากมีการพิจารณาใหม่และได้รับโอกาสก็จะเป็นรายได้เสริมที่ดีให้กับโรงพยาบาล
สำหรับกลยุทธ์ PR9 ในระยะ 3 ปี (67-69) ใน 4 ส่วน ได้แก่ 1.Global Standard บริษัทจะมุ่งเน้นการพัฒนามาตรฐานระดับสากลผ่านการก่อตั้งและพัฒนาศูนย์การแพทย์ที่มีคุณภาพ โดยประกอบด้วย 3 ศูนย์หลัก ได้แก่ Advanced Medical Center ศูนย์การแพทย์ที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมทันสมัย,Better Life Center ศูนย์ที่เน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และ Virtual Hospital ศูนย์การแพทย์จำลองที่ใช้เพื่อการศึกษาและฝึกอบรม
2.World-Class Hospitality การพัฒนาและให้บริการที่มีคุณภาพสูงสุดในด้านการต้อนรับและการบริการ (Excellent Service) โดยจะเน้นการมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ใช้บริการ ด้วยการฝึกอบรมบุคลากรด้าน Service Mind ให้มีมาตรฐานสูงสุด
3.Efficiency with Collaboration การปรับกระบวนการภายในองค์กรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการทำงานและการจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมส่งเสริมการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพในทุกระดับ และ 4.Digital Transformation การนำเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI เข้ามาใช้ในการพัฒนาและปรับปรุงการบริการด้านการแพทย์ เพื่อให้การรักษามีคุณภาพสูงสุดและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการต่างๆ ภายในองค์กร
โดยศูนย์การแพทย์ (Medical Center) ปัจจุบันมี 32 ศูนย์การแพทย์ โดยในปีนี้สถาบันหลักและบริการที่จะเน้นมี 5 ศูนย์ 1.สถาบันหัวใจ: ให้บริการการรักษาตั้งแต่การตรวจสุขภาพหัวใจทั่วไป ไปจนถึงการรักษาโรคหัวใจที่ซับซ้อน เช่น การเปลี่ยนลิ้นหัวใจโดยไม่ต้องผ่าตัดเปิดหน้าอก ,2.สถาบันโรคไตและการเปลี่ยนไตมีบริการครบวงจร ตั้งแต่การตรวจเบื้องต้นจนถึงการผ่าตัดเปลี่ยนไต,3.สถาบันสมองและระบบประสาทการรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมองและระบบประสาท,4.ศูนย์กระดูกและข้อศูนย์ที่ให้บริการทางการแพทย์ครบทุกสาขาเพื่อดูแลผู้ป่วยโรคกระดูกและข้อ และ5.ศูนย์การผ่าตัดแผลเล็กการผ่าตัดโดยใช้เทคโนโลยีส่องกล้องเพื่อลดความเจ็บปวดและลดระยะเวลาการฟื้นตัว
อย่างไรก็ตามทางในปีนี้ทางโรงพยาบาลชู 3 สถาบัน “หัวใจ-ไต-และสมอง” เป็นตัวธงในการหนุนให้โรงพยาบาลในปี 2568 มีศักยภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะการรักษาเปลี่ยนไตโรงพยาบาลมีชื่อเสียงในการรักษา และบริการครบวงจร ซึ่งตั้งเปิดโรงพยาบาลมาปีนี้จะครบ 33 ปี ได้มีการรักษาผู้ป่วยโรคไตไปแล้วกว่า 1,300 เคส ซึ่งได้รับการรักษาและประสบความสำเร็จสูงถึง 98% เทียบมาตรฐานโลกที่ระดับ 95% และในปีนี้วางแผนจะเพิ่มศักยภาพการรักษาเพิ่มขึ้น โดยจะปรับปรุงพื้นที่เพื่อขยายส่วนของห้องฟอกไตเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3-4 ปี 2568 นอกจากนี้สถาบันสมองและระบบประสาทมีการติดตั้งโปรแกรมตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ตัวใหม่เพื่อให้ภาพคมชัดมากขึ้น และช่วยในการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
” PR9 วางเป้าหมายนโยบายการเติบโตระยะยาวจากศักยภาพทางการแพทย์และทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญ รวมทั้งเครื่องมือทางการแพทย์ ที่มีความพร้อมในการรักษาโรคที่มีอาการหนักและซับซ้อน และมีผลการรักษาที่ดีไม่มีภาวะแทรกซ้อน ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เชื่อว่าตรงนี้จะหนุนให้โรงพยาบาล มีการเติบโตต่อเนื่องระยะยาว โดยเฉพาะในปี 2568 มีหลายโปรเจกต์ที่จะพัฒนาเพื่อช่วยเพิ่มรายได้ และขยายฐานลูกค้า และหาทีมแพทย์เข้ามาเพื่อให้การบริการดีขึ้นและเพื่อความพึงพอใจให้กับลูกค้า และในส่วนของการควบคุมต้นทุนทางโรงพยาบาลได้มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อลดขึ้นตอนการปฎิบัติงาน ” นพ.วิทยา กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับปัจจุบันโรงพยาบาลพระรามเก้า มีทั้งหมด 2 อาคาร โดยอาคาร A มีห้องตรวจจำนวนประมาณ 100 ห้อง จำนวนผู้ป่วยในมีทั้งหมด 166 เตียง ส่วนอาคาร B ปัจจุบันให้บริการ 38 ห้อง และสามารถขยายได้สูงสุดถึง 59 ห้อง ซึ่งจำนวนเตียงปัจจุบันทั้งหมดมีการบริการ 204 เตียง และสามารถขยายไปได้ถึง 300 เตียง เนื่องจากยังมีพื้นที่เหลืออยู่สำหรับการขยายตัวในอนาคต
สำหรับปัจจุบันโรงพยาบาลยังไม่มีแผนที่จะเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่มเติม แต่มีแผนในการพัฒนาแผนกจิตเวชเพื่อรองรับผู้ป่วยจิตเวชที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นในสังคม โดยเฉพาะกลุ่มที่มีภาวะซึมเศร้าหรืออารมณ์แปรปรวน ซึ่งบางรายอาจจำเป็นต้องรับการรักษาในโรงพยาบาล โดยการปรับปรุงห้องหรือแผนกต่างๆ ให้เหมาะสมและปลอดภัยในการดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้
ด้านอัตราการจ่ายปันผลปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม และกำลังพิจารณานำกระแสเงินสดที่เหลือไปลงทุนในโครงการใหม่ ๆ โดยที่ผ่านมามีพาร์ตเนอร์หลายรายให้ความสนใจเข้ามาลงทุนหากในระยะยาวไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มเติมอาจมีโอกาสเพิ่มอัตราการจ่ายปันผลในอนาคต
สำหรับผลกระทบจากมาตรการ Copayment ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 21 มี.ค.2568 ทางโรงพยาบาลมองบวกมากว่า และมองว่าจะมีคนสนใจเข้าระบบประกันมากขึ้นหากต้องจ่ายและเบี้ยไม่แพงมาก และหากลูกค้าจำเป็นต้องรักษาและใช้โคเพย์เมนต์ ทางโรงพยาบาลพระรามเก้าน่าจะตอบโจทย์ ด้วยจุดแข็งในด้านการรักษาที่มีชื่อเสียงจากศูนย์หัวใจและไตน่าจะเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้า และหากผลมาตรการโคเพย์เมนต์มีผลกระทบลูกค้าทางโรงพยาบาลจะมีโปรโมชั่นส่วนลดเพื่อช่วยลูกค้าอีกทาง