
SIRI โชว์รายได้ปี 67 เฉียด 4 หมื่นล้าน จ่อเปิด “นาราสิริ บางนา กม.10” มูลค่า 4.1 พันลบ.
SIRI เปิดรายได้รวมปี 67 แตะ 39,205 ล้านบาท พร้อมกางแผนปีนี้เปิดโปรเจ็กต์มาสเตอร์พีช “นาราสิริ บางนา กม.10” มูลค่า 4,100 ล้านบาท หนุนยอดขายปี 68 แตะ 53,000 ล้านบาท
นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI บริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า “แสนสิริสามารถสร้างผลการดำเนินงานในปี 2567 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลายส่วนเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยมีรายได้รวมที่ 39,205 ล้านบาท เติบโตขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า ด้านยอดขายรวมเติบโตขึ้น 2% จาก 49,000 ล้านบาท เป็น 50,000 ล้านบาท (63% มาจากโครงการแนวราบ, 37% มาจากคอนโดมิเนียม)
ขณะที่ยอดโอนเติบโตขึ้น 13% จาก 38,800 ล้านบาท เป็น 43,700 ล้านบาท (66% มาจากโครงการแนวราบ, 34% มาจากคอนโดมิเนียม) ความสำเร็จดังกล่าวมาจากกลยุทธ์การปรับพอร์ตโฟลิโอเพื่อเจาะกลุ่มความต้องการที่อยู่อาศัยระดับพรีเมี่ยม-ลักซ์ชัวรี รวมถึงการรุก Strategic Locations เมืองท่องเที่ยวใหญ่ที่มีศักยภาพ โดยสัดส่วนยอดขายและยอดโอนของบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมเติบโตในทิศทางเดียวกัน ขณะที่ยอดขายคอนโดมิเนียมปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย สะท้อนถึงความต้องการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดในบางทำเลที่ปรับตัวดีขึ้น จากแรงหนุนจากความต้องการของชาวต่างชาติและความต้องการอยู่อาศัยใกล้แนวรถไฟฟ้าหรือใกล้สถานศึกษาของคนไทย
โดยที่สำคัญ แสนสิริยังรักษาระดับกำไรสุทธิได้ถึง 5,253 ล้านบาท ท่ามกลางภาวะการแข่งขันสูง สะท้อนให้เห็นว่าแสนสิริ สามารถรักษาระดับผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพทั้งในด้านรายได้ ยอดขาย และยอดโอน สวนกระแสสภาวะเศรษฐกิจและสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ที่ทยอยฟื้นตัว แสดงถึงการมีกลยุทธ์ที่ดีในการปรับตัวภายใต้สถานการณ์ต่างๆ
รวมถึงฐานะการเงินที่แข็งแกร่งที่ได้รับความเชื่อมั่นสูงจากนักลงทุน จากการเสนอขายหุ้นกู้ในทุกชุด ที่ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด ยอดจองล้นและสามารถปิดการจองซื้อหุ้นกู้ในทุกครั้งได้อย่างรวดเร็ว สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อความแข็งแกร่งของแบรนด์แสนสิริได้เป็นอย่างดี
ทั้งนี้ แสนสิริยังมุ่งสร้างผลตอบแทนสูงสุดกับผู้ถือหุ้น จากผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังที่ 0.08 บาทต่อหุ้น (กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับปันผลในวันที่ 17 มี.ค. และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 20 พ.ค.) หากรวมเงินปันผลครึ่งปีแรกที่จ่ายระหว่างกาลไปแล้วที่ 0.07 บาท รวมทั้งปีจ่าย 0.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือ Dividend Yield ที่ 9% ต่อปี ซึ่งแสนสิริเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาฯ ชั้นนำที่จ่ายปันผลอัตราสูงต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ส่วนปี 2568 ยังคงเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทายสำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่มีสัญญาณบวกจากการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดจาก 2.25% เป็น 2% ต่อปี ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อผู้ที่กำลังมองหาบ้านใหม่ โดยช่วยให้ตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น และมีโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามนโยบาย LTV (อัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่าหลักประกัน) ยังคงเป็นข้อจำกัดสำคัญที่ภาคอสังหาฯ มีความหวังที่จะได้รับการผ่อนปรนจากหน่วยงานกำกับดูแล จากข้อกำหนดปัจจุบันให้ผู้ซื้อบ้านราคาสูงกว่า 10 ล้านบาท ต้องวางเงินดาวน์
อย่างน้อย 30% หากมีการปรับลด LTV ในทุกระดับราคา จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อในตลาดได้เป็นอย่างมาก
“แสนสิริยังคงมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจและเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในอนาคต ด้วยแผนธุรกิจภายใต้แนวคิด Dynamic Growth เติบโตแข็งแกร่ง ด้วยการวางแผนเปิดตัว 29 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 52,000 ล้านบาท (แนวราบ 14 โครงการ และคอนโดมิเนียม 15 โครงการ)” นายวิชาญ กล่าว
โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 2568 ไว้ที่ 53,000 ล้านบาท และเป้าหมายยอดโอน 46,000 ล้านบาท โดยเตรียมขยายพอร์ตสินค้าระดับลักซ์ชัวรี เตรียมเปิดตัว “นาราสิริ บางนา กม.10” มูลค่าโครงการ 4,100 ล้านบาท หนึ่งในไฮไลต์ของ SANSIRI 10 EAST ลักซ์ชัวรีคอมมูนิตี้ใหม่ย่านบางนาของแสนสิริ ที่เตรียมเผยโฉมให้ชมแบบ Private Viewing ครั้งแรกเร็วๆ นี้ พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใน Strategic Location เช่น ภูเก็ต พัทยา เพิ่มเติม หลังจากได้รับการตอบรับที่ดีมากในปีที่ผ่านมา