“พิชัย” จับมือ “Think Tank India” ดัน FTA ไทย-อินเดีย หวังปลดล็อกการค้า ครอบคลุมทุกมิติ

“พิชัย” รมว.พาณิชย์ เดินหน้าหารือ Think Tank ชั้นนำของอินเดีย ผลักดันการเจรจา FTA ไทย–อินเดีย สู่ระดับใหม่ มุ่งขยายโอกาสทางการค้า การลงทุน และเศรษฐกิจดิจิทัล หวังเปิดตลาดครอบคลุมทุกมิติ เชื่อมไทยสู่ตลาดยักษ์ใหญ่แห่งเอเชีย!


นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ก.พ.68 ได้พบหารือกับนายซูมาน เบอรี่ รองประธานสถาบันแห่งชาติเพื่อการเปลี่ยนแปลงอินเดีย (NITI Aayog) แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าของประเทศ เพื่อช่วยผลักดันการค้า การลงทุน และการพัฒนาเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศในอนาคต ซึ่งเห็นตรงกันว่าการค้าระหว่างกันในปัจจุบันยังไม่ได้สะท้อนศักยภาพที่แท้จริง ซึ่งอินเดียเป็นประเทศใหญ่ที่มีประชากรจำนวนมากถึง 1,400 ล้านคน มูลค่าการค้าระหว่างกันยังเพิ่มขึ้นได้อีก

ตนจึงได้เสนอให้อินเดียพิจารณาสานต่อการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี “ไทย-อินเดีย” ซึ่งขณะนี้มีเพียงการเปิดตลาดสินค้าส่วนแรก (Early Harvest Scheme: EHS) ให้เป็นความตกลงการค้าเสรีแบบครอบคลุม (Comprehensive FTA) ซึ่งจะครอบคลุมการค้าสินค้า บริการ การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายที่ต้องการยกระดับความสัมพันธ์สู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ (Strategic Partnership)

ขณะเดียวกัน ฝ่ายอินเดียต้องการให้การเจรจาทบทวนความตกลงการค้าสินค้า “อาเซียน-อินเดีย” สรุปผลอย่างมีนัยสำคัญได้ภายในปี 2568 ซึ่งไทยพร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เพื่อให้ผลการเจรจาเสร็จตามเป้าหมาย

นอกจากนี้ไทยยังผลักดันยกระดับกลไกการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย – อินเดีย จากระดับปลัดกระทรวงเป็นระดับรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนและผลักดันความร่วมมือในระดับนโยบาย ซึ่งจะเอื้ออำนวยประโยชน์ในการเพิ่มพูนความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

รมว.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า ฝ่ายอินเดียยังได้ชื่นชมนโยบาย “หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP)” ของไทย ที่สร้างมูลค่าเพิ่มและยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน ซึ่งช่วยสร้างรายได้และความเจริญแก่ชุมชนนำไปสู่การยกระดับฐานะความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น โดยอินเดียอยู่ระหว่างการพัฒนานโยบาย “หนึ่งเขต หนึ่งผลิตภัณฑ์ (One District One Product)” และสนใจจะเรียนรู้การดำเนินนโยบายดังกล่าวจากไทย นอกจากนี้ยังแสดงความสนใจที่จะพัฒนาความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา ซึ่งทั้ง 2 ประเทศสามารถเอื้อประโยชน์ในการพัฒนาเส้นทางการท่องเที่ยวร่วมกัน รวมทั้งสนใจที่จะศึกษาแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของไทยให้สามารถเป็นจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

อินเดียเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ ในปี 2567 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 17,451.97 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ร้อยละ 8.80 แบ่งเป็นการส่งออกไปอินเดียมูลค่า 11,755.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้าส่งออกสำคัญของไทย อาทิ เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ เม็ดพลาสติกไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล และการนำเข้าจากอินเดียมีมูลค่า 5,696.85 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สินค้านำเข้าสำคัญจากอินเดียอาทิ เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ และพืชและผลิตภัณฑ์จากพืช โดยไทยได้เปรียบดุลการค้ามูลค่า 6,058.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button