
BCP มุมมืดประกันสังคม!?
การที่อยู่ ๆ CAPITAL ASIA INVESTMENTS ที่อาจมีกลุ่มก้อนทางการเมือง (ไทย) อยู่เบื้องหลังในฐานะ Beneficiary โผล่มาถือหุ้น BCP พรวดเดียว 10% มันคงไม่ใช่เรื่องปกติหรอก! แถมว่ากันว่ามี “กลุ่มการเงิน ฟ.” ที่เชื่อมโยงกับ “Mr.B” เป็นมือปฏิบัติการด้วยแล้วแบบนี้ ดูทรงท่าจะไม่เป็นผลดีต่อกองทุนประกันสังคมที่ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งใน BCP อย่างแน่นอน
ด้วยปริมาณซื้อขายเฉลี่ยไม่เกินวันละ 20-30 ล้านหุ้น หรือบางวันต่ำกว่า 10 ล้านหุ้นด้วยซ้ำ.! แต่ไฉน “สำนักงานประกันสังคม (สปส.)” ถึงหลงใหลได้ปลื้มหุ้นบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ชนิดที่เรียกว่า “หลงแบบโงหัวไม่ขึ้น” ปานนั้นเลยก็ว่าได้..!?
ข้อเท็จจจริงประจักษ์ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ BCP มากถึง 195.25 ล้านหุ้น หรือ 14.18%
น่าขบคิดว่า “คณะอนุกรรมการการลงทุนของประกันสังคม” ยึดหลักเกณฑ์อะไร..หรือมีใครร่วมชักใยอยู่เบื้องหลังเพื่อชี้นำการลงทุนในหุ้น BCP อยู่หรือไม่.!?
เพราะการเข้าถือหุ้น BCP มากถึง 14.18% (195.25 ล้านหุ้น) มุมหนึ่งมันคือ “ความเสี่ยง” จากการจมปลักหุ้น BCP มากจนเกินไป..หากหุ้น BCP เกิดความผันผวนรุนแรง ด้วยปริมาณการซื้อขายไม่ถึง 30 ล้านหุ้นต่อวัน สปส.จะปรับพอร์ตลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงให้ทันท่วงทีได้อย่างไร หรือพูดให้ง่ายคือ “ต้องใช้เวลากี่วัน” และหุ้น “ต้องลงกี่ฟลอร์” ก่อนที่จะขายได้ทั้งหมด…!
หนึ่งในความเสี่ยงที่บรรดากองทุนต่าง ๆ ยึดมั่น ถือมั่น เพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ
นั่นคือเรื่อง Concentration Risk หรือ “ความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัว”
ที่ว่าด้วย..เรื่องความเสี่ยงที่เกิดจากการกระจุกตัวของการเลือกสินทรัพย์ประเภทใดประเภทหนึ่งหรือสินทรัพย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทคู่สัญญาหรือกลุ่มบริษัทคู่สัญญารายใดรายหนึ่งมากจนเกินไป
ดังนั้น ควรจะมีการกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีความหลายหลายเพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือกระจายความเสี่ยงจากการลงทุน..นั่นเอง
จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ..คำถามคือ “คณะอนุกรรมการการลงทุนของประกันสังคม” ได้พึงสังวรหรือยึดหลักว่าด้วยเรื่อง Concentration Risk มากน้อยเพียงใดหรือไม่..!??
หรือมันมีมูลเหตุอื่น ๆ มาจูงใจหรือดลใจให้ต้อง “ละเลยหรือละเว้น” หลักการดังกล่าวไป..!!
อีกนัยหนึ่งของสปส.กับหุ้น BCP นั่นคือ..พฤติกรรมการ “ซื้อ ๆ ขาย ๆ” หรือ “เข้า ๆ ออก ๆ” หุ้น BCP เสมือนว่าสปส.ได้สวมบท “นักเก็งกำไร” ไม่ใช่ “นักลงทุนสถาบัน” ที่เป็นกองทุนใหญ่ให้ “ผู้ประกันตน” ได้พึ่งพาในยามยากไปซะแล้ว..!?
ข้อเท็จจริงอันประจักษ์ เริ่มจากช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 สปส.เข้าซื้อหุ้น BCP เพิ่มจำนวน 901,900 หุ้น (5 ก.ค. 2566) ทำให้สัดส่วนถือครองหุ้นเพิ่มเป็น 15% ก่อนจะขายหุ้นออกวันที่ 7 ก.ค. 2566 จำนวน 258,400 หุ้น ทำให้สัดส่วนลดเหลือ 14.9862% ต่อมาวันที่ 10 ก.ค. 2566 กลับมาเข้าซื้อเพิ่มอีก 1,472,000 หุ้น ทำให้สัดส่วนเพิ่มเป็น 15.093% แต่วันที่ 21 ก.ค. 2566 ขายหุ้นออก 1,075,000 หุ้น ทำให้สัดส่วนลดเหลือ 14.9711%
ช่วงสิงหาคม 2566 เข้าซื้อหุ้น BCP เพิ่มเติม (2 ส.ค. 2566) จำนวน 539,000 หุ้น ทำให้สัดส่วนเพิ่มเป็น 15.0103% แต่วันที่ 9 ส.ค. ขายหุ้นออก 2,888,000 หุ้น ทำให้สัดส่วนลดเหลือ 14.8285%
จนข้ามมาถึงเดือนมีนาคม 2567 สปส.กลับมาซื้อหุ้น BCP (14 มี.ค. 2567) อีก 471,400 หุ้น ทำให้สัดส่วนถือครองหุ้นเพิ่มเป็น 15.002% แต่ต่อมาวันที่ 18 มี.ค. 2567 ขายหุ้นออก 1,524,100 หุ้น ทำให้สัดส่วนลดเหลือ 14.8913%
มาถึงกรกฎาคม 2567 สปส.เข้าซื้อหุ้น BCP (2 ก.ค. 2567) อีก 1,950,000 หุ้น ส่งผลให้สัดส่วนถือหุ้นเพิ่มเป็น 15.0493% รักษาความเป็นผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่ง BCP อย่างเหนียวแน่น
อาการชักเข้าชักออกลักษณะนี้ มองในแง่มุมหนึ่งเหมือนมีใครใช้ “กองทุนประกันสังคม” มาทำหุ้นเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับใครหรือไม่? และแนวทางการลงทุนที่ดูแล้วอาจมีการละเลยเรื่อง Concentration Risk ถือเป็นการทำให้ผู้ประกันตนอาจได้รับความเสียหายหรือเปล่า?
ช่างน่าหวั่นใจแทนมดงานตาดำ ๆ ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่เสียเหลือเกิน ไม่รู้ว่าวันหนึ่งเงินนำส่งประกันสังคมที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกาย จะมลายหายไปต่อหน้าต่อตาจากการลงทุนที่สุ่มเสี่ยงผิดไปจากวิสัยของกองทุนยักษ์ใหญ่นี้หรือไม่
นี่ยังไม่รวมประเด็นความเสี่ยงอื่น ๆ เช่น ดิสรัปชันของธุรกิจโรงกลั่น ความโปร่งใสในการดำเนินกิจการ แล้วไหนจะกรณีที่โครงสร้างผู้ถือหุ้น BCP ล่าสุดก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญอีก โดยเฉพาะการเข้ามาของ CAPITAL ASIA INVESTMENTS กองทุนเฉพาะกิจสัญชาติสิงคโปร์ ซึ่งเริ่มเข้ามาเก็บหุ้นตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 2567 ด้วยสัดส่วน 5.9394% ก่อนจะมาซื้อเพิ่มอีกกว่า 4% ในวันที่ 30 ธ.ค. 2567 ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นทะยานขึ้นเป็น 10% โดยดุษณี
การที่อยู่ ๆ CAPITAL ASIA INVESTMENTS ที่อาจมีกลุ่มก้อนทางการเมือง (ไทย) อยู่เบื้องหลังในฐานะ Beneficiary โผล่มาถือหุ้น BCP พรวดเดียว 10% มันคงไม่ใช่เรื่องปกติหรอก! แถมว่ากันว่ามี “กลุ่มการเงิน ฟ.” ที่เชื่อมโยงกับ “Mr.B” เป็นมือปฏิบัติการด้วยแล้วแบบนี้ ดูทรงท่าจะไม่เป็นผลดีต่อกองทุนประกันสังคมที่ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่งใน BCP อย่างแน่นอน
…อิ อิ อิ…