
“พิชัย” แย้มเงื่อนไข “Thai ESG 2” ลดหย่อน 5 แสน หวังดึงเงิน LTF เดิมกระตุ้นตลาดทุน
กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. พิจารณามาตรการใหม่ เปิดทางให้ผู้ถือหน่วยลงทุน LTF ที่ครบกำหนดไถ่ถอน สามารถโอนไปยังกองทุน “Thai ESG 2” พร้อมรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีสูงสุด 500,000 บาท หวังกระตุ้นการลงทุนระยะยาว “พิชัย” ย้ำตลาดหุ้นไทยยังมีเสถียรภาพ แม้ดัชนี SET หลุด 1,200 จุด แต่สามารถฟื้นตัวได้เร็ว พร้อมเดินหน้าแผนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ดึงดูดการลงทุนในนวัตกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล และพลังงานสะอาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 มี.ค.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง พร้อมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการสนับสนุนตลาดทุนไทย โดยให้ผู้ที่ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่ครบกำหนดการไถ่ถอน หากยังไม่ขายหน่วยลงทุนให้สามารถโอนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนใหม่ ในกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน หรือที่เรียกว่า Thai ESG 2
โดยสิทธิประโยชน์ในกองทุนใหม่ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม คือ การมีเพดานยกเว้นภาษีสูงสุด 500,000 บาท โดยได้สิทธิ์ในปีแรกสูงสุด 300,000 บาท และปีต่อ ๆ ไปสามารถทยอยขอลดหย่อนภาษีจนครบสิทธิ์ 500,000 บาท
นายพิชัย ยังระบุว่า การที่ดัชนี SET หลุดระดับ 1,200 จุด เป็นผลจากปัจจัยความไม่แน่นอนทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ตลาดสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ในวันเดียว ซึ่งสะท้อนถึงระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังคงมีอยู่
“จริง ๆ การหลุด 1,200 เป็นปัญหาของทุกประเทศ เพราะความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากนโยบายต่าง ๆ ซึ่งเกิดขึ้นทั่วโลก แต่ว่า เมื่อตลาดหลุด 1,200 ไป แป๊ปเดียวในวันนั้นก็กลับมาได้ แปลว่าคนก็มีความมั่นใจในระดับที่ค่อนข้างสูง”
รองนายกฯและรมว.คลัง กล่าวถึงแผนการฟื้นตลาดทุนไทยว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยเน้นดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ เช่น นวัตกรรม เศรษฐกิจดิจิทัล (Digital Economy) และพลังงานสะอาด
“ภาวะตลาดหลักทรัพย์เป็นผลลัพธ์ของนโยบายเศรษฐกิจรัฐบาล ประกอบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนว่ารัฐบาลกำลังเดินมาถูกทางหรือไม่ สิ่งที่เราทำคือการปรับโครงสร้างบริษัทในประเทศไทยให้ทันสมัยขึ้น ทั้งในส่วนของบริษัทเดิมและบริษัทใหม่ โดยเน้นดึงดูดธุรกิจที่สอดคล้องกับแนวโน้มความต้องการของโลก ซึ่งขณะนี้ บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนหลายแห่งต่างเร่งเดินหน้าขยายการลงทุนในไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับอดีต”
นายพิชัย ยังกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายล่าสุดที่ 0.25% และมีบางธนาคารเริ่มประกาศลดดอกเบี้ยแล้ว จะให้ธนาคารของรัฐอื่นๆ ดำเนินนโยบายตามหรือไม่ว่า ส่วนนี้คงต้องให้ผู้ที่ดูแลนโยบายการเงินต้องไปติดตามต่อไปว่า หลังจากลดดอกเบี้ยแล้วสถานการณ์ภายในประเทศเป็นอย่างไรควบคู่กับสถานการณ์นอกประเทศ รวมทั้งเรื่องเงินเฟ้อด้วย ดังนั้นปล่อยให้ผู้ที่ดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นผู้พิจารณา