
OR อัดงบปีนี้ 1.9 หมื่นลบ. ลุย 4 ธุรกิจหลัก! ขยายปั๊ม 100 แห่ง ดันยอดขายน้ำมันโต 5%
OR วางงบลงทุนปี 68 แตะ 1.9 หมื่นล้านบาท เดินหน้าเปิดสถานีบริการใหม่ 100 สาขา ดันรายได้ในส่วนของธุรกิจน้ำมันไว้ที่ประมาณ 3-5% และร้านคาเฟ่อเมซอนในตลาดต่างประเทศ พร้อมคาด GDP ไทยเติบโต 2.3-3.3%
นางปิติรัตน์ รัตนโชติ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 3 มี.ค. 2568 ว่าผลประกอบการปี 67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7,650.31 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้ขายและบริการ 723,958 ล้านบาทส่วนใหญ่มาจากกลุ่มธุรกิจ Lifestyle ตามการขยายสาขาที่เพิ่มขึ้นของทั้งธุรกิจค้าปลีกอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงกลุ่มธุรกิจ Global ตามปริมาณจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เป็นหลัก
สำหรับไตรมาส 1/2568 ภาพรวมธุรกิจยังคงมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยมีธุรกิจน้ำมัน ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปริมาณจำหน่าย (Sales Volume) เติบโตในอัตราประมาณ 3-5%
โดยธุรกิจไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Business) ทั้งในประเทศและต่างประเทศมีแนวโน้มเติบโตในด้านรายได้ ขณะที่ EBITDA Margin อยู่ในช่วง 26-30%
นอกจากนี้ปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในส่วนของธุรกิจน้ำมัน (Oil Business) ไว้ที่ประมาณ 3-5% สำหรับแผน ขยายสถานีบริการ บริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสถานีบริการใหม่ ประมาณ 100 แห่ง ภายในปีนี้
โดยปีนี้คาดว่าราคาพลังงานจะอยู่ในช่วง 73-79 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยสภาวะตลาดมีแนวโน้มทรงตัวและไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงมากนัก ดังนั้น OR จำเป็นต้องมี กลยุทธ์บริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อลดความเสี่ยงจาก ภาวะขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน
สำหรับงบลงทุนสำหรับปี 2568 อยู่ที่ ประมาณ 19,000 ล้านบาท โดยแบ่งการใช้จ่ายออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่
1.การขยายสถานีบริการ (ประมาณ 40% ของงบลงทุน) ใช้สำหรับการเปิดสถานีบริการใหม่ ประมาณ 100 สาขา และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน รวมถึงการลงทุนในสถานีชาร์จ EV
2.ธุรกิจไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Business) คิดเป็นประมาณ 39% ของงบลงทุน โดยเน้นครอบคลุมการขยายสาขา Café Amazon และการปรับปรุงร้านค้าเดิม รวมถึงการเตรียมงบประมาณรองรับโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ (M&A)
3.ธุรกิจต่างประเทศ (Global Business) คิดเป็นประมาณ 15% ของงบลงทุน มุ่งเน้นการขยายสถานีบริการและร้าน Café Amazon ในตลาดต่างประเทศ โดยให้ความสำคัญกับ กัมพูชา ซึ่งเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง
4.การลงทุนด้านนวัตกรรมและดิจิทัลแพลตฟอร์ม เป็นสัดส่วนเล็กน้อยของงบลงทุน เน้นพัฒนาด้าน Digital Platform เพื่อสนับสนุนธุรกิจ Mobility และ Lifestyle ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นางปิติรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับปี 2568 บริษัทมีแผนขยายส่วนแบ่งทางการตลาด ผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดและแคมเปญต่างๆ โดยเน้นการพัฒนา แคมเปญส่งเสริมการขาย (Marketing Campaigns) ให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการนำเสนอ โปรโมชั่นที่เข้าถึงง่ายและมีผลต่อการขยายฐานลูกค้า ทั้งใน ตลาดสถานีบริการน้ำมัน และ ตลาดเชิงพาณิชย์ (Commercial Market)
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินงานในโครงการสำคัญ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มเห็นผลภายในปีนี้ โดยเฉพาะในช่วงกลางปี สำหรับธุรกิจไลฟ์สไตล์ (Lifestyle Business) บริษัทมีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่เพื่อทดแทนแบรนด์ที่ได้ยุติการดำเนินงานไปก่อนหน้านี้ อาทิ Texas Chicken และ โอ้กะจู๋ (Ohkajhu) ซึ่งบริษัทได้หยุดการลงทุน
ในส่วนของ ธุรกิจ Mobility บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาโครงการสำคัญ โดยคาดว่าการดำเนินงานจะแล้วเสร็จภายในช่วงปลายปีนี้ หรืออาจขยายระยะเวลาไปถึงปีหน้า ทั้งนี้ บริษัทจะประกาศข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อมีความชัดเจนต่อไป
“อย่างไรก็ดี คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตในช่วง 2.3 – 3.3% โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคการท่องเที่ยวและบริการที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง ขณะที่ภาคการส่งออกมีแนวโน้มเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก” นางปิติรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย