PQS อวดกำไรปี 67 นิวไฮแตะ 241 ล้านบาท โต 78% เตรียมปันผล 0.10 บ. ขึ้น XD 14 มี.ค.นี้

PQS โชว์งบปี 67 นิวไฮกำไรสุทธิ 241 ล้านบาทพุ่ง 78% เร่งปรับกลยุทธ์รับความท้าท้ายปี 2568 หวังเติบโตยั่งยืน พร้อมบอร์ดเคาะปันผลครึ่งหลังปี 67 อัตราหุ้นละ 0.10 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 14 มี.ค.นี้ จ่ายวันที่ 13 พ.ค.68


นายรัฐวิรุฬห์ ชาญจึงถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทพรีเมียร์ ควอลิตี้ สตาร์ช จำกัด (มหาชน) หรือ PQS ผู้นำอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังของไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดปี 2567 บริษัทมีรายได้ 2,710  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้ 2,325.4 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิ 241.1 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 77.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 135.8 ล้านบาท

โดยสาเหตุหลักมาจากปริมาณขายแป้งมันฯ ที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับที่ทำให้เกิดความคุ้มค่าในการผลิตที่ดี (economy of scale) แม้ว่าราคาขายเฉลี่ยต่อหน่วยจะลดลง แต่บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนเฉลี่ยต่อหน่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 8.8% จาก 5.7% ในปี 2566 ซึ่งในปี 2567 บริษัทมีการใช้กำลังการผลิตแป้งมันสำปะหลังในอัตรา 72% ของกำลังการผลิตตามฤดูกาล เพิ่มขึ้นจาก 66% ในปีก่อนเนื่องจากในปีนี้ภาพรวมวัตถุดิบหัวมันสำปะหลังสดในปีนี้ดีกว่าปี 2566 ทั้งในแง่ปริมาณและคุณภาพทำให้บริษัทมีวัตถุดิบมาใช้ในการผลิตแป้งมันฯ มากขึ้น โดยบริษัทมีสัดส่วนยอดขายแป้งมันส่งออก 74.9% ของยอดส่งออกแป้งมันฯ

บริษัท มีโครงการก่อสร้างโรงงานใหม่ 2 แห่ง ในปี 2567 คือ โครงการเพื่อขยายฐานธุรกิจปัจจุบัน ซึ่งเป็นการสร้างโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งใหม่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น และโครงการเพื่อต่อยอดสู่ธุรกิจปลายน้ำ เป็นโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร (Modified Starch) ที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ปัจจุบัน และใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้ง 2 โครงการเปิดดำเนินการแล้วในช่วงปลายปี 2567  โดยโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังแห่งใหม่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์จะเพิ่มกำลังการผลิตของธุรกิจปัจจุบันกว่า 30% นอกจากนี้ โรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ที่จังหวัดมุกดาหาร จะเริ่มผลิตสินค้า High Value ซึ่งช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและอำนาจต่อรองราคาขายมากขึ้น เนื่องจากจะเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร

โดยบริษัทคาดว่าในปี 2568 แป้งดัดแปรจะช่วยสร้างยอดขายเพิ่มขึ้นราว 10% ของยอดขายรวมในปี 2568 และในอนาคตจะเป็นสินค้าสำคัญที่สร้างมูลค่าเพิ่ม จากการที่บริษัทเผชิญความท้าทายจากความผันผวนของหัวมันสำปะหลังสดซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้า ทำให้ในปี 2567 บริษัทได้ริเริ่มการวิจัยและพัฒนาการปลูกมันสำปะหลังเพื่อให้วัตถุดิบมีเพียงพอสำหรับป้อนเข้าโรงงานได้อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ปีนี้บริษัทจะต่อยอดโครงการความร่วมมือกับเกษตรกรคิดค้นและปรับปรุงวิธีการปลูกมันสำปะหลังให้มีคุณภาพผลผลิตที่ดีขึ้น และมีปริมาณผลผลิตที่แน่นอนมากขึ้น ขณะที่ ภาพรวมส่งออกแป้งมันสำปะหลังของไทย ในปี 2567 อยู่ที่ 56,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.60% ซึ่งแม้ว่ายอดส่งออกไปยังจีนซึ่งเป็นตลาดหลักจะลดลงเล็กน้อย แต่การส่งออกไปยังตลาดอินโดนีเซียและสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้น 209% รวมทั้งส่งออกไปไต้หวันและมาเลเซียมียอดเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ราคาส่งออกเฉลี่ยในไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ 440 ดอลลารสหรัฐ/ตัน

นายรัฐวิรุฬห์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 28 ก.พ.ที่ผ่านมาได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนหลังของปี  2567 ในอัตรา 0.10 บาท รวมเป็นเงิน 67 ล้านบาท มีกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 14 มี.ค. 68 และจ่ายปันผลวันที่ 13 พ.ค. 2568 และกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 23 เม.ย. 2568 เพื่อขออนุมัติผู้ถือหุ้นจ่ายเงินปันผล รวมปันผลทั้งปี 0.15 บาท/หุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทน 7.25%

นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการประจำปี 2567 หรือ CG Scoring ในระดับ 4 ดาว หรือ “ดีมาก” ได้ติดต่อกันเป็นปีที่ 2  และได้รับการรับรองเข้าร่วมเป็นภาคีต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเป็นครั้งแรก สะท้อนให้เห็นพัฒนาการด้านธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งของบริษัท บนพื้นฐานหลักการบริหารจัดการที่เป็นธรรม โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้

Back to top button