
หุ้นท่องเที่ยว-อาหาร กำไรโตต่อ
ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลักทรัพย์ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ปิดที่ 1,203 จุด หากคิดเป็นผลตอบแทนรายเดือนเท่ากับ -8.4%
ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ เดือนกุมภาพันธ์ 2568 ปิดที่ 1,203 จุด
หากคิดเป็นผลตอบแทนรายเดือนเท่ากับ -8.4%
ส่วนมูลค่าการซื้อขายค่อนข้างเบาบาง หรือใกล้เคียงกับยอดเฉลี่ยในเดือนมกราคม 2568 ที่อยู่ 3.3 หมื่นล้านบาท
เดือนกุมภาฯ ดัชนีขึ้นมาสูงสุด 1,316 จุด
และต่ำสุดที่ 1,186 จุด (-130 จุด)
หรือเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปีหลังจากตลาดหุ้นไทยผ่านช่วงโควิด
ทั้งนี้ จากการประเมินของนักวิเคราะห์ ได้มองแนวรับหุ้นไทยไว้อยู่ที่ 1,200 จุด และมีอัตราการ “บวก/ลบ” ไม่เกิน 20 จุด แต่หากหลุดโซนดังกล่าว อาจจะมีโอกาสลงมาลึกได้ถึง 1,100 จุด
มีข้อมูลที่น่าสนใจจากการรวบรวมกำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 4/2567 และปี 2567
จากการรวบรวมของหลักทรัพย์บัวหลวง พบว่า บจ.จำนวน 564 แห่ง ที่รายงานงบการเงินออกมา
ไตรมาส 4/2567 บจ.มีกำไรสุทธิรวมกัน 191,045 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดไตรมาส 4/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 167,907 ล้านบาท เปลี่ยนแปลง +14%
ส่วนกำไรปี 2567 อยู่ที่ 801,408 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ที่มีกำไรสุทธิ 932,475 ล้านบาท
มาดูกลุ่ม บจ. ที่กำไรเติบโตกันบ้าง
ในส่วนของกลุ่มที่เติบโตเมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 4/2566 คือ
1.กลุ่มท่องเที่ยว RevPar แข็งแกร่ง ทั้งโรงแรมในยุโรป, อเมริกาใต้ และไทย
2.กลุ่มขนส่ง จากจำนวนเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้น
3.กลุ่มอาหาร จากราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้นในไทยและต่างประเทศ ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบลดลง
4.กลุ่มธนาคาร มีรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยสูงขึ้น และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและการตั้งสำรองฯ ลดลง
และ 5.กลุ่มค้าปลีก จากยอดขายค้าปลีกสินค้าจำเป็นแข็งแกร่ง ขณะที่รายได้ค้าปลีกก่อสร้างยังคงอ่อนแอ
ส่วนกลุ่มที่กำไรสุทธิปรับลดลงจากงวดไตรมาส 4/2566 ที่นำโดย “กลุ่มรับเหมา” มีผลขาดทุนส่วนแบ่งจากโครงการ LPCL, ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น, “กลุ่มยานยนต์” จากอุปสงค์อ่อนแอเนื่องจากหนี้ครัวเรือนที่ยังสูง, คุมเข้มการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ และการแข่งขันที่รุนแรงจากแบรนด์รถ EV โดยเฉพาะจากจีน
“กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์” มีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของ DELTA และยอดขาย PCB และ IC ที่อ่อนแอของ KCE และ HANA
“กลุ่มแพ็กเกจจิ้ง” เกิดจากอุปสงค์อ่อนแอ
“กลุ่มปิโตรเคมี” มีผลการดำเนินงานในธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่อ่อนแอของ PTTGC
และกลุ่มพลังงาน จากผลขาดทุนสุทธิพิเศษของ PTT ส่วนใหญ่จากอัตราแลกเปลี่ยน, สินค้าคงคลัง และการด้อยค่าสินทรัพย์ รวมทั้งค่าการกลั่นที่ลดลง
ข้อมูลที่น่าสนใจเพิ่มเติม คือ สัดส่วนกำไรของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีอัพไซด์ (กำไรดีกว่าที่ตลาดคาดมากกว่า 5%) อยู่ที่ 32% เพิ่มขึ้น 26% ในไตรมาส 3/67 (ค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 38%)
โดยประมาณ 39% รายงานผลประกอบการแย่กว่าคาด เพิ่มขึ้นจาก 33% ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดในไตรมาส 3/67 (ค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 35%)
สัดส่วนกำไรที่ดีกว่าเทียบแย่กว่าคาดอยู่ที่ 0.8 ไม่เปลี่ยนแปลงจากในไตรมาส 3/67 (ค่าเฉลี่ย 5 ปีอยู่ที่ 1.1 และหากเทียบกับวงจรเศรษฐกิจโลกในปี 2558 และ 2562 อยู่ที่ 0.9)
กำไรรวมของตลาดหลักทรัพย์ฯ อยู่ที่ 11.1% ต่ำกว่าคาดการณ์ของตลาด
สุดท้ายหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ “การท่องเที่ยว” (ท่องเที่ยวฟื้นตัว โดยเฉพาะสายการบินและโรงแรม), กลุ่มอาหาร (ราคาเนื้อสัตว์สูงขึ้น) มีโอกาสในการปรับประมาณการกำไรขึ้น
ธนะชัย ณ นคร