ฝรั่งขายเหี้ยน

สิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกหนักใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือ แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่เบาลงเลย ทั้งที่ขายหุ้นทิ้งเป็นแรมเดือน


สิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” รู้สึกหนักใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็คือ แรงขายจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่เบาลงเลย ทั้งที่ขายหุ้นทิ้งเป็นแรมเดือน แต่สถานการณ์ดังกล่าวก็ยังไม่มีวี่แววจะคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น อีฉันจึงรู้สึกเฉย ๆ เมื่อเห็นดัชนีทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,188.41 จุด ลบไป 15.31 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.50 หมื่นล้านบาท เพราะสัปดาห์ก่อนดัชนีเพิ่งทรุดตัวลงไปทำโลว์ใหม่มาหยก ๆ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า แรงขายยังไม่ซาลงเลยนะจ๊ะ

ฉะนั้นเรื่องที่ว่า กองทุนพร้อมซื้อหุ้นเต็มพิกัด น่าจะเป็นเพียงโฆษณาชวนเชื่อธรรมดา ๆ ไม่มีเนื้อหาสาระอะไรที่จะถือเป็นแก่นสารได้เลย ผนวกกับนักวิเคราะห์บริษัทต่าง ๆ แนะนำให้นักลงทุนหันมาถือเงินสดมากขึ้น “โมนิก้า” เลยมองเป็นภาพความขัดแย้งในตัวเอง และทำให้สภาพของตลาดหุ้นไทยซึมลงลูกเดียวไปอีกนาน อีฉันเลยไม่สามารถเชื่ออะไรได้อีกแล้วทั้งสิ้น (บอกตลาดหุ้นจะดีดกลับอย่างแข็งแกร่ง สุดท้ายก็เป็นการเด้งเพื่อลงทุกที) เจ้าค่ะ

ที่แย่ไปกว่านั้นคือ สภาพของรัฐบาลก็ยังเป๋ไปเป๋มา และขยันสร้างเรื่องให้ชาวบ้านด่าทุกวัน มันเป็นภาพที่ย้ำหัวหมุดให้ทุกคนได้รู้ว่า บ่มิไก๊! และอย่าหวังจะได้เห็นดัชนีขึ้นไปยืนเหนือระดับ 1,200 จุดอย่างแข็งแกร่ง!..ขนาดกูรูตลาดหุ้นคัดหุ้นบลูชิพพื้นฐานแกร่งให้นักลงทุนได้เลย กลับไม่มีใครสนใจประเด็นตรงนี้เลย เดี๊ยนเลยไม่รู้จะหาข้อมูลไหนมาเล่าให้ฟังอีก เพราะนักลงทุนไม่อินกับประเด็นเชิงบวกน่ะซี

ขนาดหุ้นที่แข็งสุดของตลาดหุ้นไทยอย่าง BBL ยังถูกรินขายแบบไม่เห็นหัว และทำท่าจะทรุดตัวลงอีกครั้งแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นภาพที่ย้ำให้ทุกคนได้เห็นว่า ฝรั่งไม่เล่น! จึงไม่ควรคาดหวังอะไรไปมากกว่านี้ เพราะการประคองตัวปิดที่ระดับ 148.50 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.97 พันล้านบาท โดยราคาหุ้นยังรักษาฐานแนวรับที่มั่นคงบริเวณ 145 บาทได้อย่างเหนียวแน่น ก็เยี่ยมสุด ๆ แล้วจ้า!

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น AOT ขึ้นมาอีกครั้ง เพราะกลายเป็นหุ้นที่มีลุคไม่ดีในสายตานักลงทุนสถาบัน ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาลูกหนี้ที่กระทบกำไรของบริษัท และยังมาเจอคำเตือนของประเทศต่าง ๆ ให้ระวังการเดินทางมาไทยแบบนี้ มันกลายเป็นผลกระทบทางลบต่อราคาในกระดานเต็ม ๆ วานนี้จึงเห็นหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 42.25 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.12 พันล้านบาทไงล่ะคะ

ส่วนรายที่หนักสุดของเที่ยวนี้กลายเป็น DELTA เพราะได้รับผลกระทบจากเกณฑ์ใหม่ของตลาดฯ แถมตัวเองก็ทำผลงานไม่ได้ตามที่คาดหวัง หรือแม้กระทั่งการมาของ AI ก็ทำให้ผู้คนว้าวุ่นใจอย่างหนัก เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 71.25 บาท ลบไป 6 บาท หรือลงไป 7.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.67 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 50 เท่า ยังมีแก๊ปให้หุ้นลงต่ออีกเยอะไหม? (ก่อนหน้านี้เทรดพีอี 100 เท่า) นะนายจ๋า!

อีกหนึ่งตัวอย่างที่เป็นภาพสะท้อนสถาบันไม่เล่น “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น WHA แบบไม่ลังเลใจแม้แต่นิดเดียว เพราะการไหลลงของหุ้นเป็นแรมเดือน พร้อมกับทำโลว์ใหม่ให้เห็นเป็นระยะ ก็เป็นภาพที่ฟ้องความเป็นไปของหุ้นได้ชัดเจนอยู่แล้ว “เจ๊จูน” น่าจะไปถามพวกสถาบันจะเลิกขายเมื่อไหร่? เพราะวานนี้หุ้นลงมาปิดที่ระดับ 3.30 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 692 ล้านบาทอีกแล้วค่ะท่าน!

ในเมื่อฝรั่งไม่ปลื้มหุ้นไทย ก็ไม่ต้องแปลกใจที่หุ้น AWC ถูกรินขายแบบมาราธอน จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 2.88 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 1.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 182 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 4 ปี 3 เดือนอย่างง่ายดาย (ราคาเท่ากับช่วงโควิด) และมีโอกาสที่จะเห็นหุ้นทำ all time low แบบนี้ เดี๊ยนบอกได้ทันทีว่า นี่เป็นเรื่องที่ผิดปกติอย่างแน่นอน และไม่รู้จะแก้อย่างไร เพราะกองทุนป๊อดเหลือเกินค่ะ

ตบท้ายกันที่หุ้นเล็กโดนจัดหนักอย่าง XO กันดีกว่า เพราะแรงขายที่สาดใส่ไม่ยั้งเที่ยวนี้ ไม่เกี่ยวกับฝรั่งไม่เล่น แต่เป็นผลมาจากกำไรไตรมาส 4 ลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 3 ซึ่งทำให้นักเล่นกังวลงบไตรมาส 1 ปี 68 จะลดลงอีก จึงพากันขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง หุ้นจึงลงมากองอยู่ที่ระดับ 14.90 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 16.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 118 ล้านบาท พร้อมกับโลว์ในรอบ 1 ปี 10 เดือนแบบนี้..อยู่ยากแล้วค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button