
CGSI มองกรอบ SET วันนี้ 1,170-1,200 จุด ชู 2 หุ้นเด่น HANA-CPAXT
CGSI ประเมินดัชนี SET วันนี้เคลื่อนไหวในกรอบแคบแบบ Sideway ถึง Sideway Down ในช่วง 1,170-1,200 จุด พร้อมชู 2 หุ้นเด่น HANA-CPAXT
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (4 มี.ค.68) คาดการณ์ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) จะยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบแบบ Sideway ถึง Sideway Down อยู่ในช่วง 1,170-1,200 จุด ท่ามกลางแรงกดดันจากปัจจัยทั้งในและต่างประเทศ
โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาคือ แนวโน้มเชิงลบจากปัจจัยภายนอก เช่น กรณีมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ สูง
ขณะเดียวกัน การตอบโต้ทางภาษีของจีนต่อสินค้าสหรัฐฯ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารสัตว์ อาจเป็นปัจจัยเร่งให้สงครามการค้าระหว่างสองประเทศทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจกดดันอุปสงค์น้ำมันให้ลดลงตามไปด้วย
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบโลกยังเผชิญแรงกดดันจากแนวโน้มการเจรจายุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน หากการเจรจามีความคืบหน้า ราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวลดลง ส่งผลลบต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและก๊าซธรรมชาติของไทย ด้านปัจจัยภายในประเทศยังคงขาดปัจจัยกระตุ้นใหม่ ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังคงดำเนินต่อไป โดยคาดว่าจะมี การอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2567
ขณะเดียวกัน ร่างกฎหมาย Entertainment Complex ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ยังคงอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยล่าสุดรัฐบาลกำหนดให้ ธุรกิจคาสิโนมีสัดส่วน 10% ของโครงการ และกำหนดค่าธรรมเนียมเข้าเล่นที่ 5,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์สำหรับคนไทยที่ต้องการเข้าใช้บริการคาสิโน จากเดิมที่ต้องมีเงินในบัญชีอย่างน้อย 50 ล้านบาท เป็น ต้องยื่นภาษีย้อนหลัง 3 ปีแทน
ทั้งนี้ นักลงทุนควรติดตามการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อของไทยประจำเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งจะประกาศในวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม 2567 สำหรับหุ้นที่แนะนำ ได้แก่ HANA ซึ่งแม้ว่าธุรกิจจะยังเผชิญความท้าทายในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 (1H25F) แต่คาดว่าการปรับปรุงอัตราการใช้กำลังการผลิต และการลดลงของขาดทุนจาก Powermaster ในช่วงครึ่งปีหลัง (2H25F) จะเป็นปัจจัยบวก ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงได้สะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว จึงปรับคำแนะนำจาก “ถือ” เป็น “ซื้อ” โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 18.2 บาท และจุดตัดขาดทุนที่ 15.2 บาท
อีกหนึ่งหุ้นที่น่าสนใจคือ CPAXT ซึ่งมีแนวโน้มอัตรากำไรที่ดีขึ้นจากการควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงไปก่อนหน้านี้ คาดการณ์ว่าสะท้อนความกังวลด้าน ธรรมาภิบาล (CG) แล้ว ส่งผลให้ความเสี่ยงและผลตอบแทนเริ่มสมดุลมากขึ้น โดยคาดว่า กำไรต่อหุ้น (EPS) จะเติบโตเฉลี่ย 20.7% ต่อปี (CAGR) ในช่วงปี 2567-2569 สำหรับ CPAXT มีเป้าหมายทำกำไรที่ 29.00 บาท และจุดตัดขาดทุนที่ 27.00 บาท