JMT-SINGER เด้ง! ขานรับ “เซียนฮง” เข้าถือหุ้นใหญ่ มั่นใจแนวโน้มธุรกิจโตแกร่ง

JMT-SINGER ราคาเด้งกลับ! หลัง “เซียนฮง”  เข้าถือหุ้น JMT 4.44% และ SINGER 1.91% ด้านผู้บริหาร JMT ตั้งเป้ากำไรปี 68 แตะ 2,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ InsurTech ขณะที่ SINGER เดินเกมรุกสินเชื่อมือถือผ่าน SG Finance+


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 มี.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT   ณ เวลา 10:12 น. อยู่ที่ระดับ 12.70 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 4.10% สูงสุดที่ระดับ 12.80 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.10 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 88.57 ล้านบาท

รวมถึง บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER ราคาหุ้น ณ เวลา 10:13 น. อยู่ที่ระดับ 6.10 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 8.93% สูงสุดที่ระดับ 6.15 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19.44 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น JMT-SINGER ปรับตัวขึ้นขานรับจากการตรวจสอบพบเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัทในกลุ่มของเจมาร์ท คือ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT ได้มีการการเปลี่ยนแปลงรายชื่อของผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยข้อมูล ณ วันที่ 26 ก.พ. 2568 ได้พบรายชื่อนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ “เซียนฮง” หรือ นายสถาพร งามเรืองพงศ์ เข้ามาถือหุ้นจำนวน 64,747,300 หุ้น คิดเป็น 4.44% ทำให้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับสองรองจากกลุ่มเจมาร์ท (ถือหุ้นอยู่ 52.08%)

ทั้งนี้ จำนวนหุ้นที่เซียนฮงถือดังกล่าว หากนำมาคิดเป็นมูลค่า หรือจำนวนเงินลงทุน (เทียบกับราคาปิด 12.20 บาท ของวานนี้) จะอยู่ที่ประมาณ 790 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน เซียนฮงยังเข้ามาถือหุ้นในบมจ. ซิงเกอร์ประเทศไทย หรือ SINGER อีกจำนวน 15,816,200 หุ้น (คิดเป็นจำนวนเงินลงทุน 88.5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาปิดวานนี้ที่ 5.60 บาท) คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 1.91% และเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 4

นอกจากนี้ นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT กล่าวว่า ตั้งเป้าปี 2568 กลับมาเติบโตแข็งแกร่ง ให้เป้ากำไรโตแตะระดับ 2,000 ล้านบาท จากธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพที่มีรายได้อย่างมั่นคง แม้สถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อชะลอตัว โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นคุณภาพในการจัดเก็บและการบริหารผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ซึ่งได้ปรับแก้ไขในปีที่ผ่านมาให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และในไตรมาส 1/2568 ยังอยู่ในระดับที่วางไว้ สัญญาณ ECL ในไตรมาสถัด ๆ ไปมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง

พร้อมกับวางงบซื้อหนี้ปีนี้ 2,000 ล้านบาท คาดการซื้อหนี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในครึ่งปีหลัง จากครึ่งปีแรกยังมีมาตรการภาครัฐพยุงอยู่ และโฟกัสกลุ่ม Unsecure Loan เป็นหลัก จากสิ้นปี 2567 JMT ใช้เงินลงทุนซื้อหนี้ 1,139 ล้านบาท ซื้อหนี้เข้ามาบริหารประมาณ 30,000 ล้านบาท สนับสนุนพอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่ 544,920 ล้านบาท และมียอดจัดเก็บหนี้ (Cash Collection) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 8,809 ล้านบาท (รวม JK AMC)

“เรามีแอปพลิเคชันมาช่วยสนับสนุนธุรกิจทั้งการชำระหนี้ และนัดหมายสำหรับการซื้อบ้านมือสอง ทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ” นายสุทธิรักษ์ กล่าว

สำหรับแผนการรุกตลาด InsurTech หลังจาก JMT ได้ประกาศแผนเข้าร่วมทุนกับบริษัท แอกซินัน (ประเทศไทย) จำกัด จัดตั้งการร่วมค้า (Joint Venture) มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจประกันภัยในระดับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายใต้แบรนด์ igloo โดย JMT ถือหุ้นในบริษัทร่วมค้า 51% ขับเคลื่อน InsurTech ร่วมกัน

นอกจากนี้ หุ้นกู้ของ JMT 2 ชุดที่จะครบกำหนดในเดือนเมษายนและตุลาคม เตรียมเงินรอไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเงินจำนวน 4,500 ล้านบาท มาจาก Cash Collection อีกทั้งมีเงินสดในมือและเงินในกองทุน รวมทั้งมีแผนออกหุ้นกู้ประมาณ 4,500 ล้านบาท

นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SINGER เผยว่า ในปี 2568 มั่นใจภาพรวมกำไรเติบโตก้าวกระโดด จากการบริหารจัดการภายในเพื่อลดต้นทุน ประกอบกับไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ สนับสนุนความสามารถในการทำกำไรมากขึ้น อีกทั้ง SINGER คืนหุ้นกู้ครบแล้วในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และยังไม่มีแผนออกหุ้นกู้ใหม่ ทำให้ในช่วงที่เหลือของปีไม่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายอีก

“ในปี 2568 SINGER เดินหน้าขยายเครือข่ายการขายผ่าน Lock Phone และการขายผ่าน Direct Sale และ Tele sales จากการพัฒนา SG Finance+ เข้ามาปลดล็อกการรุกตลาดไปยังช่องทางออนไลน์ ทำให้สามารถยืนยันตัวตนและขอสินเชื่อผ่านออนไลน์ได้ภายใน 3 นาที และสามารถควบคุมหนี้เสียได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงโฟกัสการรุกธุรกิจมือถือในปีนี้มากขึ้น” นายนราธิป กล่าว

นอกจากนี้ ยังเพิ่มสินค้ามัลติแบรนด์ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มทางเลือกให้ผู้บริโภค และการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Green Energy

Back to top button