“หมอเลี้ยบ” เชื่อ SET ไม่วิกฤต “การเมือง-หุ้นใหญ่” กดดัชนี รัฐเร่งอัดงบ กระตุ้นเศรษฐกิจ

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) กล่าวในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ในวันนี้ (4 มี.ค.68) ถึงตลาดหุ้นไทยที่ร่วงลงต่อเนื่องว่า ไม่ใช่ปรากฏการณ์ถาวรและไม่รุนแรงเหมือนวิกฤตการณ์ต้มยำกุ้งเมื่อ 20 ปีก่อน ที่ตลาดหุ้นเคยลดลงถึง 100 จุด หลังจากมีมาตรการกันสำรอง 30%

“ผมคิดว่าความไม่เชื่อมั่นที่เกิดขึ้นผสมผสานจากหลาย ๆ ส่วน แล้วก็พอดีมาประดังในช่วงนี้ ซึ่งปัญหาเรื่องนี้น่าจะเป็นชั่วคราว” รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกฯ กล่าว

นพ.สุรพงษ์ ขยายความว่า ปัญหามี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งก็คือด้านการเมืองตอนนี้ก็อาจจะมีประเด็นว่าจะมีการยุบสภาหรือไม่ รัฐบาลจะอยู่ได้ยาวนานหรือเปล่า จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีจะมีผลกระทบอะไรหรือไม่ อีกส่วนคือเรื่องบรรษัทภิบาลในตลาดหลักทรัพย์ ที่ต้องยอมรับว่าการลดลงของดัชนี SET เมื่อไปดูไส้ใน เกิดขึ้นกับหุ้นไม่กี่ตัว ซึ่งเป็นหุ้นใหญ่ที่มีปัญหาเรื่องบรรษัทภิบาล สะท้อนถึงกระบวนการตรวจสอบอย่างเข้มข้นของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) รวมถึงราคาหุ้นของบริษัทบางบริษัทที่ขึ้นผิดปกติ

รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกฯ กล่าวยอมรับว่า เรื่องความไม่เชื่อมั่นเศรษฐกิจและรัฐบาลเป็นส่วนหนึ่งที่เป็นปัญหาต่อเนื่องกันมา และจะต้องรอดูว่าจะมีความชัดเจนอย่างไร แต่ก็อยากให้ดูตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งหลายประเทศมีปัญหาเรื่องความสามารถในการแข่งขัน แต่ตลาดหุ้นยังเติบโตได้ เช่น ตลาดหุ้นเยอรมนีที่ไม่ได้สะท้อนผ่านตลาดหุ้นโดยตรงแต่ปัญหาความเชื่อมั่นดังกล่าวจะเป็นพื้นฐาน ถ้าไม่ปรับปรุงการแข่งขันของประเทศ รวมถึงนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน

นพ.สุรพงษ์ ยังระบุว่า ปัจจุบันเงินเฟ้ออยู่ต่ำกว่า 1% ซึ่งต่ำกว่าระดับที่คาดไว้ที่ 2% ดังนั้นนโยบายการเงินจะต้องเอาจริงเอาจังมากขึ้น โดยเฉพาะการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายให้ผ่อนคลายมากกว่านี้

“จะเห็นได้ว่าหลังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกาศลดดอกเบี้ยนโยบายหุ้นก็ขึ้นหนึ่งวัน แต่หลังจากนั้นมีความไม่เชื่อมั่นอื่นอีก หุ้นก็ตกลงมาอีก และเกรงว่านักลงทุนอาจจะคาดหมายนโยบายดอกเบี้ยควรจะเป็นขาลงได้แล้ว ซึ่งความไม่ชัดเจนในเรื่องนี้ของ ธปท. ก็อาจจะเป็นปัญหาส่วนหนึ่ง”

สำหรับนโยบายการคลังรัฐบาลกำลังเร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างอยู่จำนวน 275,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังมีงบลงทุนของรัฐบาลอีก 930,000 ล้านบาท งบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 25,000 ล้านบาท รวม 1.46 ล้านล้านบาท ซึ่งต้องเร่งเบิกจ่ายให้เร็วที่สุด เพราะขณะนี้เข้าสู่เดือนที่ 6 ของปีงบประมาณใหม่แล้ว

รองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกฯ ยังมั่นใจว่า ตลาดหุ้นไทยจะไม่ตกต่ำไปกว่าระดับ 1,000 จุด และหากสถานการณ์ทางการเมืองชัดเจนหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้ รัฐบาลกลับมามีเสถียรภาพ มีกิจกรรมท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์ ก็อาจจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นกลับมาได้ อีกทั้งสิ่งที่นายกรัฐมนตรีให้ความมั่นใจ คือการที่บอกว่าจะเป็นรัฐบาลต่อไปถึงปี 2570 จะไม่มีการยุบสภา เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการสร้างความเชื่อมั่นว่า นโยบายของรัฐบาลจะไม่มีเปลี่ยนแปลงอย่างน้อยอีก 2 ปี

ส่วนที่ตลาดหุ้นเป็นเรื่องของชนชั้นกลางหากหุ้นร่วงต่อเนื่องจะทำให้เกิดความไม่พอใจรัฐบาลหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า “ผมไม่กังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนั้น เพราะมันไม่ได้มีอะไรที่เป็นตัว Trigger Point กับตลาดหุ้น…”  

นพ.สุรพงษ์ ยังกล่าวถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจว่าอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนเดิมเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่สามารถเดินตามแผนที่วางไว้ โดยเฉพาะในภาคบริการและการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงในปี 2568 นี้