AOT ปิดร่วง 6% หลังยืดจ่ายหนี้ให้ “คิงเพาเวอร์” อีก 2 เดือน ห่วงสภาพคล่องยืดเยื้อ

AOT ปิดร่วง 6% หลังขยายเวลาเลื่อนชำระค่าตอบแทน “คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี” ออกไปอีก 2 เดือน นักลงทุนกังวลปัญหาสภาพคล่องยืดเยื้อ กระทบรายได้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (4 มี.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ปิดตลาดวันนี้อยู่ที่ 39.75 บาท ลบ 2.50 บาท หรือ 5.92%  สูงสุดที่ระดับ 43.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 39.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3,063.94ล้านบาท

สำหรับราคาหุ้นปรับตัวลงต่อเนื่อง สาเหตุจากบริษัทออกเอกสารแจ้งตลาดแก้ไขข้อมูลที่เคยแจ้งตลาดไปเมื่อวันที่ 17 ก.พ.68 ประเด็นชี้แจงกรณีผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์และสายการบินเผชิญสภาพคล่องตกต่ำ

โดยเนื้อหาที่มีการแก้ไขคืออนุญาตให้ KPD เลื่อนชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำของเดือนกันยายน 2567 ถึงเดือนเมษายน 2568 จากเดิมที่แจ้งตลาดว่าเดือนก.พ. 2568 ส่งผลให้หุ้นตอบสนองเชิงลบจากผลกระทบที่ยาวนาวกว่าเดิม 2 เดือน และ Overhang นานขึ้นช่วงกลางปี 2568 ถึงจะประเมินได้ว่า KP จะกลับมาจ่ายสัมปทานได้ตามปกติหรือไม่ ยังคงคำแนะนำ wait&see

บล.กรุงศรี มองปัจจัยกดดันต่อหุ้น AOT หลังแจ้งแก้ไขระยะเวลาเลื่อนชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนจากการประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ท่าอากาศยานภูเก็ต (ทภก.) ท่าอากาศยานเชียงใหม่ (ทชม.) ท่าอากาศยานหาดใหญ่ (ทหญ.) และท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ให้กับ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด (KPD) ออกไปอีก 2 เดือน เป็นเดือน ก.ย.67-เม.ย.68 จากเดิมเดือน ก.ย.67-ก.พ.68 โดยไม่ยกเว้นการเรียกเก็บค่าปรับ

โดยปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลต่อฐานะการเงินของ King power ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานหลักของ AOT กลับมาอีกครั้ง ซึ่งสิ่งที่น่ากังวลและต้องจับตาดูต่อไปว่าเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาเลื่อนชำระค่าเช่าแล้ว King Power จะกลับมาจ่ายค่าเช่าได้หรือไม่ หรืออาจต้องขอเลื่อนออกไปอีก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ยังไม่มีความแน่นอน และยังคงต้องรอความชัดเจน ยังคงเป็นปัจจัยที่กดดันหุ้น AOT ต่อไป

ด้าน AOT มีการแก้ไขหนังสือชี้แจงกรณีผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์และสายการบินเผชิญสภาพคล่องตกต่ำ ในวันที่ 4 มี.ค. 68 โดย ทอท. ยืนยันว่าไม่มีการแก้ไขสัญญาสัมปทานกับกลุ่มบริษัทคิง เพาเวอร์ แม้ว่าจะมีข่าวเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องของบริษัท โดย ทอท. ยังคงดำเนินการตามสัญญาที่มีอยู่เดิม อย่างไรก็ตาม คิง เพาเวอร์ ได้ยื่นขอเลื่อนชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและธุรกิจของบริษัทอย่างหนัก

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ระบุว่า ปัญหาสภาพคล่องของคิง เพาเวอร์ อาจส่งผลกระทบต่อรายได้ของ ทอท. และอาจนำไปสู่การเจรจาปรับเงื่อนไขสัมปทาน โดยเฉพาะค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของ ทอท. ขณะที่นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ชี้ว่า ทอท. กำลังเผชิญปัญหาลูกหนี้การค้าที่เพิ่มขึ้นจากการขอเลื่อนชำระเงินของคิง เพาเวอร์

ในหนังสือที่คิง เพาเวอร์ ส่งถึง ทอท. เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 บริษัทชี้แจงว่า ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปี 2563 และปัจจุบันยังคงเผชิญปัญหาสภาพคล่อง เนื่องจากสถาบันการเงินมีนโยบายไม่ปล่อยสินเชื่อเพิ่มเติม ขณะที่บริษัทต้องทยอยชำระหนี้เดิมและค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้ ทอท. ยอดขายสินค้าปลอดอากรต่อผู้โดยสารก็ต่ำกว่าคาด เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ผู้โดยสารระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทขาดทุนถึง 651.5 ล้านบาทในปี 2566 และยังคงขาดทุนต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน บริษัทจึงขอเลื่อนชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำที่ครบกำหนดตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2567 ถึงกรกฎาคม 2568 เป็นระยะเวลา 18 เดือนต่อหนึ่งงวด

ทอท. พิจารณาแล้วเห็นว่าคิง เพาเวอร์ ประสบปัญหาสภาพคล่องจริง จึงอนุญาตให้เลื่อนชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ แต่ยังคงคิดดอกเบี้ยจากการเลื่อนชำระในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี

นอกจากคิง เพาเวอร์ แล้ว ผู้ประกอบการอื่นๆ ในสนามบินทั้ง 6 แห่งของ ทอท. ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยในปี 2567 มีผู้ประกอบการกว่า 70 รายที่ขอเลื่อนชำระ ขอผ่อนชำระ หรือขอลดขนาดพื้นที่ทำธุรกิจ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการเหล่านี้ ทอท. ได้ออกโครงการขยายระยะเวลาชำระเงิน ซึ่งเปิดให้ผู้ประกอบการและสายการบินที่มีปัญหาสภาพคล่องยื่นคำขอ พร้อมแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้อง

ผู้ที่เข้าร่วมโครงการนี้ต้องมีหลักประกัน และสามารถเลื่อนหรือแบ่งชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนหรือค่าบริการสนามบินได้ ภายใต้เงื่อนไขว่า ระยะเวลาผ่อนชำระต้องไม่เกินอายุสัญญาและไม่เกิน 24 เดือน นับจากวันที่ ทอท. อนุมัติ โดยต้องชำระดอกเบี้ยทุกเดือนตามอัตราที่ ทอท. กำหนด

Back to top button