6 หุ้น โรงแรม-สายการบินบวกคึก จ่อรับ “เที่ยวคนละครึ่ง” กระตุ้นเศรษฐกิจ

AWC เด้ง 5% นำทีม AOT, AAV, CENTEL, ERW, MINT ตอบรับข่าวกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอโครงการ "เที่ยวคนละครึ่ง" กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงโลว์ซีซั่น


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (5 ก.พ.68) ราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม ปรับตัวขึ้น ณ เวลา 14:43 น. ตอบรับข่าว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอโครงการ เที่ยวคนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่นระหว่างเดือน พ.ค. ถึง ก.ย. 68 นำโดย บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC อยู่ที่ระดับ 3.00 บาท บวก 0.14 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 4.90% สูงสุดที่ระดับ 3.02 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 2.86 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 178.12 ล้านบาท

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT อยู่ที่ระดับ 41.50 บาท บวก 1.75 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 4.40% สูงสุดที่ระดับ 42.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 40.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2,210.18 ล้านบาท

บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV อยู่ที่ระดับ 2.00 บาท บวก 0.08 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 4.17% สูงสุดที่ระดับ 2.02 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.93 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 69.87ล้านบาท

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL อยู่ที่ระดับ 34.00 บาท บวก 1.25 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 3.82% สูงสุดที่ระดับ 34.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 32.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 144.59 ล้านบาท

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW อยู่ที่ระดับ 3.30 บาท บวก 0.08 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 2.48% สูงสุดที่ระดับ 3.32 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.16 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 114.11 ล้านบาท

บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT อยู่ที่ระดับ 29.00 บาท บวก 0.50 บาท หรือ เพิ่มขึ้น 1.75% สูงสุดที่ระดับ 29.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 28.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 323.33 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่าหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวยังมีการเติบโตต่อเนื่อง ล่าสุด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเสนอโครงการ เที่ยวคนละครึ่ง” เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซั่นระหว่างเดือน พฤษภาคม ถึง กันยายน ปี 2568 โดยมีรูปแบบคล้ายโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน” แต่ภาครัฐจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็น 50% และนักท่องเที่ยวจ่ายเองอีก 50% โดยจะขออนุมัติงบประมาณ 3,500 ล้านบาท จากรัฐบาลผ่านงบกลางเพื่อดำเนินโครงการนี้

ในระยะแรกจะเปิดให้จอง 1 ล้านสิทธิ์ เพื่อใช้ประโยชน์ในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งสามารถใช้สิทธิ์ในการจ่ายค่าโรงแรมที่พักและร้านอาหาร ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าสามารถใช้สิทธิ์จองตั๋วเครื่องบินได้หรือไม่ และอาจมีการพัฒนาแพลตฟอร์มกลางร่วมกับบริษัทท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) เพื่อรองรับการจองสินค้าและบริการท่องเที่ยว รวมถึงการจองห้องพักโดยตรงจากโรงแรม

โดยฝ่ายนักวิเคราะห์มองบวกต่อกลุ่มท่องเที่ยวจากโครงการ เที่ยวคนละครึ่ง” แม้จะมีสิทธิ์เพียง 1 ล้านสิทธิ์ แต่รัฐจะสนับสนุน 50% ซึ่งมากกว่าการสนับสนุน 40% ในโครงการ เราเที่ยวด้วยกัน” ก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าโครงการจะเริ่มใช้งานได้ปลายไตรมาส 2/68 ถึงไตรมาส 3/68 ซึ่งหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการนี้มากที่สุด ได้แก่ ERW คิดเป็น 88% รายได้จากไทย, CENTEL คิดเป็น 80%, และ MINT คิดเป็น 15% โดย ERW และ CENTEL คาดการณ์ว่าจะได้ประโยชน์สูงสุดจากทั้งโครงการและการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ฝ่ายนักวิเคราะห์ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น มากกว่าตลาด” โดย Top pick ของกลุ่มท่องเที่ยวยังชอบ คือ CENTEL แนะนำ ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 44.00 บาท และ MINT ให้ราคาเป้าหมาย 34.00 บาท

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า AWC จะมีกำไรปกติเติบโตขึ้น 20% แตะระดับ 2,235 ล้านบาท ในปี 68 นอกจากนี้ มูลค่าสินทรัพย์รวมของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 210,000 ล้านบาท ในปี 68 เทียบกับ 199,000 ล้านบาท ในปี 2024 และ 96,000 ล้านบาท ในปี 62ขณะเดียวกัน EBITDA Yield คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง โดยหลังหักกำไรจากมูลค่ายุติธรรมอยู่ที่ 5% และหากรวมกำไรดังกล่าวจะอยู่ที่ 8% ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวที่ระดับ 10-15% โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.20 บาท

นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบอนุมัติงบกลางปี 68 วงเงิน 153.03 ล้านบาท ตามข้อเสนอของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดงาน “Maha Songkran World Water Festival 2025” ณ ท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ 11-15 เม.ย. 68

การใช้งบประมาณแบ่งเป็น การจัดกิจกรรมที่สนามหลวง 93.26 ล้านบาท การจัดขบวนแห่ 48 ล้านบาท และการโฆษณาประชาสัมพันธ์ 11.77 ล้านบาท โดยงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติไม่ต่ำกว่า 800,000 คน และสร้างรายได้หมุนเวียนกว่า 3.2 พันล้านบาท

นอกจากนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังเตรียมจัดกิจกรรม “เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 5 ภูมิภาค” ตลอดเดือนพฤษภาคม เพื่อกระจายความคึกคักของเทศกาลไปยังทั่วประเทศ โดยมีอีเวนต์สำคัญ เช่น ประเพณีบุญบั้งไฟ จังหวัดยโสธร, โนราโรงครู จังหวัดพัทลุง, เทศกาลอาหาร Amazing Thailand Grand Taste จังหวัดชลบุรี, เทศกาลผลไม้และของดี จังหวัดระยอง, เทศกาลดนตรี Music & Mutelu Festival จังหวัดนครพนม

ขณะเดียวกัน ยังมีอีเวนต์กีฬาระดับนานาชาติ อาทิ Bangsaen 10 จังหวัดชลบุรี, Amazean Jungle Thailand by UTMB 2025 จังหวัดยะลา, Samui Regatta จังหวัดสุราษฎร์ธานี และ Thailand Super Series 2025 จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล

Back to top button